ป.ป.ช.ชี้มูล 2 นายก-'อำนวย-ชนม์สวัสดิ์' พร้อมพวก 11 ราย คดีเงินอุดหนุนวัดใน จ.สมุทรปราการ เผยพฤติกรรมอนุมัติ 20 โครงการ รวม 338 ล้าน มีการเบิกจ่ายอย่างเร่งด่วน ไม่ติดตามผล ไม่ตรวจสอบรายละเอียด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวชี้มูลนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมและนายอำนวย รัศมิทัต อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กับพวก รวม 11 ราย ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปีงบประมาณ 2554 - 2556 โดยมิชอบ
นายนิวัติไชยกล่าวต่อว่า ความเป็นมาของคดีนั้นสืบเนื่องจากที่ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหานายชนม์สวัสดิ์กับพวก ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปีงบประมาณ 2554 – 2556 รวมจำนวน 68 โครงการ เป็นเงิน 836,129,125 บาท ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการช่วงเวลาดังกล่าว จำนวน 20 โครงการ วงเงินงบประมาณ 338,753,750 บาท ปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายปกรณ์ เนตรประภา ซึ่งมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ จะแสดงตัวเป็นตัวแทนหรือคนของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการไปประสานงานติดต่อกับวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อก่อสร้างเมรุหรือศาลาการเปรียญ มีการจัดทำคำขอ แบบแปลนและประมาณการราคานำไปให้เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ลงนาม และได้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนำไปยื่นให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการได้รับคำขอแล้ว นายอำนวย รัศมิทัต ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2554 และนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2555 - 2556 ได้ร่วมกับนายมนัส บุญอารีย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2554 - 2555 และนายสายัณห์ รักษนาเวศ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการในช่วงปีงบประมาณ 2556 นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นายชัยยศ ตั้งจิตดำรง ผู้อำนวยการกองช่าง และนายอนุวัช ควรคิด รีบเร่งตั้งงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุน เสนอและเห็นชอบโครงการเข้าแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ โดยที่ไม่ทำการตรวจสอบรายละเอียดโครงการ รายละเอียดแบบแปลนและประมาณราคาก่อสร้างซ่อมแซมศาสนสถานว่ามีความถูกต้อง เหมาะสมกับงบประมาณที่ขอมาหรือไม่ มีการจัดทำและประกาศใช้แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ประกาศใช้ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จนกระทั่งมีการอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่วัดตามวงเงินที่ขอมา
โดยในขั้นตอนการรับเงินอุดหนุน เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติเงินแล้ว นายปกรณ์ เนตรประภา จะแจ้งให้ทางวัดทราบล่วงหน้า เพื่อนัดหมายกับเจ้าอาวาสวัดให้ไปรับเช็คเงินอุดหนุน เมื่อทางวัดไปรับเช็คมาแล้ว ในวันเดียวกัน นายปกรณ์ เนตรประภา จะร่วมกับเจ้าอาวาสหรือผู้แทนวัด นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารพร้อมกับเบิกเงินและมอบให้นายปกรณ์ เนตรประภา เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับการอุดหนุน จากนั้นบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ฯ ซึ่งมีนายปกรณ์ เนตรประภา เป็นกรรมการผู้จัดการ จะได้เข้ามาเป็นผู้รับจ้างดำเนินงานตามโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุน
ภายหลังเมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่วัด และวัดได้รับเงินแล้ว นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวกกลับไม่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุน และการดำเนินงานในแต่ละโครงการว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามแบบแปลนและประมาณการราคา คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณที่อุดหนุนหรือไม่ การดำเนินโครงการแล้วเสร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทุกโครงการมีปัญหาจากการก่อสร้าง อันเกิดจากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา มีการจ้างช่วง ทิ้งงาน อีกทั้งการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลน รายการปริมาณงานและประมาณการราคา เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อราชการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้ว มีมติ ดังนี้
1. การกระทำของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และนายอำนวย รัศมิทัต มีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157
2. การกระทำของนายสายัณห์ รักษนาเวศ นายวิชัย จันทร์จำรูญ นายชัยยศ ตั้งจิตดำรง นายมนัส บุญอารีย์ และนายอนุวัช ควรคิด มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
3. การกระทำของบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และนายปกรณ์ เนตรประภา มีมูลความผิด ทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86
อย่างไรก็ดี คดีนี้การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด