แอมเนสตี้ออกรายงานเผยชื่อเอกชนส่งน้ำมันเครื่องบินหนุน บ.รบ เมียมมา ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายพลเรือน พบมีไทยออยล์ด้วย ขณะ บ.เอกชนแจง ได้รับข้อมูลว่าน้ำมันจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์พลเรือนเท่านั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาอ้างอิงข่าวจากอัลจาซีราว่าแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือว่า Amnesty International ได้มีการออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของซัพพลายเออร์น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศเมียนมา
โดยคำเรียกร้องระบุสาระสำคัญว่าพบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปให้กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศเมียนมาอย่างน้อย 2 จาก 8 รายการ นั้นพบว่ามีผู้จัดส่งซึ่งเป็นซัพพลายเออร์จากบริษัทได้แก่ Singapore Petroleum Company ของ PetroChina, และบริษัทไทยออยล์ (Thai Oil) ของประเทศไทย ถูกส่งตรงไปยังกองทัพเมียนมา ซึ่งทางแอมเนสตี้อ้างข้อมูลดังกล่าวนี้ จากบันทึกหน่วยงานศุลกากรและข้อมูลเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ขนส่ง
ขณะที่ในรายงานของแอมเนสตี้ยังได้ระบุรายชื่อบริษัทน้ำมันอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งได้แก่บริษัท Chevron Singapore,บริษัท Rosneft ของประเทศรัสเซีย และบริษัท ExxonMobil ซึ่งทั้งหมดมีส่วนร่วมในการขนส่งน้ำมันให้กับกองทัพเมียนมาในปีที่ผ่านมา
แอมเนสตี้ระบุต่อไปด้วยว่า พบข้อมูลว่ามีบริษัทในเครือของเมียนมาซึ่งเป็นของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิสอย่าง Puma Energy ยังได้จ่ายเงินให้บริษัทท้องถิ่นแห่งหนึ่งในการขนส่งเชื้อเพลิงไปยังคลังเก็บเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศเมียนมา
โดยเครื่องบินรบดังกล่าวนั้นพบว่ามีเครื่องบินรบรุ่น Yak-130 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบสัญชาติรัสเซีย ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ 4 แห่ง ได้แก่ Hmawbi, Magway, Tada-U และ Taungoo ซึ่งฐานทัพทั้ง 4 แห่งนี้พบว่ามีส่วนในการโจมตีทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายพลเรือน ซึ่งเป็นการกระทำที่เป็นอาชญากรสงคราม
ขณะที่นางแอ็กเนส คัลลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้กล่าวว่า การโจมตีทางอากาศเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายแก่ครอบครัว พลเรือนที่หวาดกลัว เหยื่อที่ถูกสังหารและบาดเจ็บแต่ว่าถ้าหากยุติการเติมเชื้อเพลิง พวกเขา (กองทัพเมียนมา) ก็จะไม่สามารถบินออกไปสร้างความเสียหายได้ ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์ บริษัทตัวแทนจัดส่ง บริษัทเรือขนส่ง และบริษัทประกันทางทะเล หยุดห่วงโซ่อุปทานนี้เอาไว้
ทางด้านตัวแทนจากบริษัท Rosneft, Chevron และ ไทยออยล์ได้ให้ข้อมูลกับแอมเนสตี้ ว่าพวกเขาได้รับการรับรองว่าการขนส่งน้ำมันดังกล่าวจะมีวัตถุประสงค์เพื่อพลเรือนเท่านั้น โดยบริษัท ไทยออยล์ยังได้ให้ข้อมูลอีกว่าจะหยุดการขนส่งน้ำมันเครื่องบินเจ็ทรุ่น A-1 จนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย ส่วนทางบริษัท Singapore Petroleum Company ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/news/2022/11/4/myanmar-military-diverts-civilian-jet-fuel-to-air-force-amnesty