พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.เผยความคืบหน้าคดีจับสดปลัดอำเภอสัตหีบ-พวก รีดเงินพูลวิลล่าแลกใบอนุญาต ล่าสุดเตรียมขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อเนื่อง ชัดเจนแล้ว 1-2 ราย ชี้กลวิธีใส่ซองจม.หย่อนตู้บริจาคอ้างเพื่อการกุศล เป็นวิวัฒนาการเลี่ยงตรวจสอบแยบยลมากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เข้าจับกุม นายกัณฑ์พงษ์ สุวรรณปทุมเลิศ อายุ 40 ปี ปลัดอาวุโสอำเภอสัตหีบ พร้อม น.ส.สุภาพร ผิวเหลือง อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ปกครองที่ทำการอำเภอสัตหีบ มายัง สภ.สัตหีบ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเอง, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ได้ที่ห้องทำงานภายในที่ทำการอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า หลังได้รับการประสานข้อมูลคดีนี้จากป.ป.ท. ทาง ปปป. จึงจัดกำลังลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ จนกระทั่งแน่ใจว่าจากหลักฐานที่มีอยู่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้ จึงนำกำลังลงพื้นที่อีกครั้งในวันนี้เพื่อเก็บพยานหลักฐานชิ้นสุดท้าย คือ การส่งมอบเงิน พร้อมกับเข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย คือ เจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอสัตหีบ ซึ่งปัจจุบันรักษาการนายอำเภอ และ เจ้าหน้าที่อำเภออีกราย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีดังกล่าว ทำให้รู้ว่ากลุ่มผู้ทุจริต เริ่มมีวิวัฒนาการที่แยบยลมากขึ้นเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ เช่น การใช้วิธีหย่อนเงินลงกล่องรับบริจาค อ้างเพื่อการกุศล ช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่จากแนวทางสืบสวนพบเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องทุจริตส่วนตัว จึงต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เบื้องต้นมีการแจ้งข้อหาตามความผิดมาตรา 157,149
"หลังจากนี้จะยังคงขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อเนื่อง ซึ่งจากหลักฐานที่มีอยู่แน่ชัดแล้วในขณะนี้ พบมีผู้ร่วมขบวนการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องอีกประมาณ 1-2 ราย ส่วนจะขยายผลไปถึงใครนั้นขอเวลาตรวจสอบ" ผบก.ปปป. ระบุ
ส่วนนายภูมิวิศาล เกษมศุข รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า การดำเนินการเข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิดครั้งนี้ ถือเป็นการขับเคลื่อนแผนตามนโยบายรัฐบาลที่ต่อต้านการทุจริต หลังได้รับข้อมูลผ่านท่างสายด่วน ว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเรียกรับสินบน จึงประสานข้อมูลไปยังตำรวจ บก.ปปป. จนมีการรวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงนำไปสู่การบังคับใช้กฏหมายกับผู้กระทำผิดในวันนี้
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าเป็นการกระทำของตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร ที่ผ่านมาเราพยายามปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีคนกลุ่มน้อยกระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ” นายภูมิวิศาล กล่าว