อธิบดีดีเอสไอ ส่งคณะติดตามการรื้อถอน178 ไร่เลพัง-ลายัน หลังประสบปัญหาผู้บุกรุกโต้แย้งสิทธิ์อยู่ เข้าไปแล้วถูกแจ้งความข้อหาบุกรุก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 ตุลาคม 2565 จากกรณีที่หน่วยงานราชการกว่า 20 หน่วยงานนำโดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดี DSI ได้สนธิกำลังกว่า 300 นายร่วมกันทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินสาธารณะประโยชน์ หาดเลพัง-ลายัน พื้นที่ 178 ไร่ซึ่งต่อสู้กันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บุกรุกจนศาลฎีกามีคำพิพากษาเด็ดขาดให้เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ตามที่เป็นข่าวตลอดมาแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2565 นี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไตรยฤทธิ์ ได้มีคำสั่งให้นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสหวิทยาการคดีพิเศษ นายธีรภัทร แก้วจุนันท์ รองผู้อำนวยการกองนโยบายและยุทธศาสตร์ นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาค พื้นที่ 8พร้อมด้วย พ.ต.ท.พงศ์อินทร อินทรขาว ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ โครงการอำนวยความเป็นธรรมเดินทางไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้ประชุมร่วมกับนายมาโนช พันธ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล นายรพินทร์ สุวรรณสินธุ์ปลัด อบต.เชิงทะเล พร้อมเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยนิติกร ช่าง และ หัวหน้าช่าง อบต.เชิงทะเล
ยังเข้าไปรื้อถอนไม่ได้ ติดแจ้งความ
นายมาโนช กล่าวว่า การรื้อถอนสิ่งรุกล้ำที่ดินสาธารณะประโยชน์ 178 ไร่ บริเวณหาดเลพัง-ลายัน จะไม่สามารถดำเนินการให้จบได้ในคราวเดี่ยวกันในครั้งนี้ ทั้งนี้เนื่องจากว่า มีผู้ไปร้องทุกข์ต่อ สภ.เชิงทะเล ว่า ตนและเจ้าหน้าที่อื่นๆทำลายทรัพย์สินของผู้บุกรุก ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เชิงทะเล รับแจ้งความเอาไว้ จำนวนรายเดียว แต่แจ้งความ 3 พื้นที่ 178 ไร่ แต่นอกคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งทราบว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษไว้แล้ว แต่ยังคงมีผู้บุกรุกโต้แย้งสิทธิ์อยู่ ยังไม่สามารถรื้อถอนได้ เนื่องจากผู้บุกรุกยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งตนจะต้องร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในวันนี้ด้วย
นายรพินทร์ กล่าวว่า ต้องการฝากที่ปรึกษากรมสอบสวนคดีพิเศษไปด้วยว่า ในการรื้อถอนจัดการกับผู้บุกรุกพื้นที่ 178 ไร่ทำได้ด้วยความยากลำบากมาก ตอนนี้ถูกแจ้งความว่าทำลายผลอาสิน ตนและนายกจะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกเนื่องจากพนักงานสอบสาวนับแจ้งความเอาไว้ ทั้งๆที่ในวันนั้น ผกก.สภ.เชิงทะเลก็มาร่วมกันรื้อถอนเช่นกัน ขณะที่ดำเนินการอยู่ก็มีผู้ยืนฟ้องใหม่ ฟ้องด้วยอำนาจพิเศษ ศาลก็ยังรับฟ้อง ขณะที่กำลังดำเนินการรื้อพถอนบังคับคดีก็บอกว่าขอให้รื้อถอนดีๆน่ะ
“ผมแจ้งก็ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ด้วยว่า ถ้างานนี้ที่พร้อมกันมากกว่า 20 หน่วยงานยังรื้อถอนไม่สำเร็จแล้ว ผมจะไม่เข้าไปในพื้นที่นั้นอีกเลย ซึ่งย่อมรับว่าบ้านเมืองเราโดยเฉพาะภูเก็ต ปฎิบัติหน้าที่ตามหน้าที่ให้ถูกต้องทำลำบากมาก มีอำนาจแฝงมาเกี่ยวข้องตลอดเวลา”นายรพินทร์ กล่าว
หลังจากที่เลิกประชุม คณะกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ลงพื้นที่ตระเวนดูพื้นที่ที่ทำการรื้อถอนแล้วพบว่า พื้นที่ที่ รื้อถอนแล้ว มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีเฉพาะไม้ธรรมชาติ เช่น เตย จิกทะเล สนขึ้นสลับกันสวยงามตามธรรมชาติ แต่พบว่า พื้นที่อีกจำนวนหนึ่งประมาณ 70 ไร่ ยังมีบ้านพักอาศัย ร้านอาหาร และ ต้นมะพร้าว
จ่อนำหนังสือเรียกร้องรายงาน ‘อธิบดี DSI’
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า จะต้องนำรายละเอียดทั้งหมดทั้งจดหมายร้องทุกข์ของนายก อบต.เชิงทะเล สภาพพื้นที่ที่รื้อถอนแล้ว และยังรื้อถอนไม่ได้ รายงานนายต่อนายไตรยฤทธิ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสั่งการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า นายมาโนช ได้เขียนจดหมายเป็นหนังสือร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยตนเองและด้วยลายมือตัวเอง พร้อมทั้งประกาศต่อหน้าตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ขอให้ ดีเอสไอลงมาจับกุมผู้บุกรุกให้ด้วย และ พร้อมจะเป็นพยานชี้ตัวผู้กระทำความผิดให้ ซึ่งพื้นที่ที่มีผู้แสดงอำนาจพิเศษและดำเนินคดีกับผู้รักษาทรัพย์ของแผ่นดินที่ดินแปลงนี้ไว้ น่าจะมีพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ หากสามารถครอบครองได้สำเร็จน่าจะมีมูลค่ามากกว่า 28,000 ล้านบาทซึ่งผู้ที่แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เชิงทะเล รายหนึ่งเคยถูก พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต คนปัจจุบันจับกุมขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดผู้ต้องหาแก๊งหนึ่งและซัดทอดไปยังบุคคลดังกล่าวในช่วงปี พ.ศ. 2562 ขณะที่ผู้การจังหวัดภูเก็ต ชั้นยศ พ.ต.อ.และเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต