ชายวัย 62 ปี สมาชิกกลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการบุกต่อย 'ศรีสุวรรณ' กลางวงสื่อ ขณะเตรียมแจ้งเอาผิด 'โน้ส อุดม' ทอล์คโชว์ เดี่ยว 13 พูดล้อเลียนพาดพิงรัฐบาลยุยงส่งเสริมม็อบ ชุลมุนนานร่วม 10 นาที ก่อนมีห้ามปรามแยกออกจากกัน ลั่นตั้งใจมาตบสั่งสอนถูกดำเนินคดีพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ ปรัญญา รอง สว.กก.3 บก.ปอท. เพื่อยื่นเรื่องตรวจสอบการกระทำของ 'โน้ส - อุดม แต้พานิช' จากกรณีพูดล้อเลียนหรือพาดพิงรัฐบาลในทอล์คโชว์เดี่ยว ไมโครโฟน 13
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกรณีมีบุคคลทอล์คโชว์เดี่ยวไมโครโฟน-13 ซึ่งเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากมีการใช้ถ้อยคำ บางคำพูดอันอาจมีลักษณะส่งเสริมให้บุคคลร่วมชุมนุมสาธารณะที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจขัดต่อความมั่นคงของรัฐและหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ประกอบ พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 หรือไม่
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า บทพูดของการโชว์เดี่ยวไมโครโฟนดังกล่าว มีบางคำพูด อาทิ “วันนี้รถติดเยอะหน่อย มีม็อบไล่คนที่เราอยากจะไล่เขา ก็ให้อภัยเขาไปนะครับ ถือว่าเขาทำงานแทนเรา” นั้น จะสื่อความหมายไปอย่างอื่นมิได้ นอกเสียจากการพูดเพื่อที่จะสื่อหรือโฆษณาให้ผู้ฟังหรือผู้ชม ได้เข้าใจตรงกันว่ามีเจตนาหรือจงใจ ที่จะให้ทุกคนที่รับฟังและรับชมให้อภัยกลุ่มผู้ที่ออกมาชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้งเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั่น โดยที่การชุมนุมเหล่านั้นล้วนผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนข้อกำหนดใน ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 และมีการสอดใส้การชุมนุมเป็นเรื่องการยกเลิก ปอ.112 และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ มิใช่การชุมนุมเพื่อขับไล่ผู้นำรัฐบาลแต่อย่างใดไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด หากแต่อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดต่อแผ่นดิน อาจกระทบต่อความมั่นคง และอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.84 ม.85 และหรือ ม.87 ประกอบ ม.14 แห่งพรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย และหรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งต่อ บก.ปอท. ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบ สอบสวน กรณีดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดอาญาต่อแผ่นดินหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิดให้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป
“ยืนยันว่าการที่มาร้องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล ที่ผ่านมาถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องผมก็ร้องมาอยู่แล้วตลอด ส่วนโน้ส อุดม เขาก็เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่บางคำพูดที่เป็นการยุยงส่งเสริมม็อบ ตนไม่เห็นด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ นายศรีสุวรรณ กำลังยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามอยู่นั้น ได้มี นายวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี สมาชิกกลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ ที่มาไลฟ์รายงานข่าว ได้ทำท่าทีสอบถามประเด็นการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดี 8 ปีนายกรัฐมนตรี จะมีการแจ้งความคนเห็นต่างหรือไม่ แต่ยังไม่ทันจะถามจบนายวีรวิชญ์ ก็ได้เข้าไปต่อยนายศรีสุวรรณ จนเกิดการชุลมุนนานร่วม 10 นาที ก่อนจะมีช่างภาพสื่อมวลชนที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยกันเข้าห้ามปรามแยกออกจากกัน
นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า คาใจเพราะหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยปม 8 ปี นายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ ออกมาประกาศว่า ใครชุมนุมจะแจ้งความจับให้หมด ซึ่งตนเป็นคนหนึ่งที่ชุมนุม วันนี้จึงตั้งใจมาตบเพื่อสั่งสอน ซึ่งมีตำรวจที่รู้จักฝากมาตบด้วย กราบขอโทษตำรวจที่มาทำแบบนี้ เพราะไม่มีโอกาสเลย ตนเฝ้าและแอบดูว่านายศรีสุวรรณจะไปร้องอะไรบ้าง เมื่อเช้ายอมทิ้งงาน
"ผมอายุ 62 ปี จะเป็นอะไรไม่สนใจ อยากให้เห็นว่า คำว่าประชาธิปไตย ทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง ประเทศนี้เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ถ้าถูกดำเนินคดีพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" นายวีรวิชญ์ระบุ
'ศรีสุวรรณ' แจ้งความดำเนินคดีทันที
ต่อมาเวลา 11.30 น. ภายหลังนายศรีสุวรรณ เข้าพบ ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ ปรัญญา รอง สว.กก.3 บก.ปอท. เพื่อยื่นเรื่องตรวจสอบ 'โน้ส-อุดม แต้พานิช' กรณีพูดล้อเลียนหรือพาดพิงรัฐบาลในทอล์คโชว์เดี่ยว ไมโครโฟน 13 เสร็จสิ้นแล้ว
นายศรีสุวรรณ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.สิทธิเดช หาญจริง รอง ผกก.1 บก.ป. ต่อทันที เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี สมาชิกกลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ ในข้อหา ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย จากกรณีถูกนายวีรวิทย์ บุกเข้าชกต่อยขณะกำลังยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยนายศรีสุวรรณ อยู่ระหว่างการให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ ส่วน นายวีรวิทย์ คู่กรณี หลังเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ เดินทางกลับไปก่อนแล้ว
ไม่มีคำว่าท้อ - คราวหน้า พาเพื่อนไปด้วยมากขึ้น
ต่อมา 12.30 น. ภายหลัง นายศรีสุวรรณ เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งถึงเหตุการณ์ถูกบุกทำร้ายร่างกาย ว่า มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าจากการถูกต่อย โดยเฉพาะที่บริเวณปลายคาง ถามว่าเจ็บไหม ก็ไม่เจ็บอะไรมากเท่ากับเจ็บใจ
นายศรีสุวรรณ ยืนยันด้วยว่า ไม่รู้จักกับคู่กรณี ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งหรือบาดหมางกันมาก่อน ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเขาเป็นสื่อมวลชนหรือเปล่า เห็นสอบถามก่อนจะเอียงตัวเดินเข้ามาใกล้ จึงผิดสังเกตุป้องกันตัวได้ทัน จากพฤติการณ์เห็นชัดว่าตั้งใจมาทำร้ายตน มีการเตรียมตัววางแผนมาเป็นอย่างดี มีทีมมาไลฟ์สด ซึ่งหลังเกิดเหตุมีคนส่งลิงค์มาให้ดู เลยรู้ว่าหลังก่อเหตุเสร็จก็ไปไลฟ์สด ประกาศรับเงินสนับสนุนซึ่งค่อนข้างชัดเจน ส่วนเรื่องคดี เบื้องต้นลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วที่กองปราบฯ หลังจากนี้จะเดินทางไป สน.พหลโยธิน เพื่อขอใบส่งตัวตรวจร่างกายยังโรงพยาบาล นำมาประกอบพยานหลักฐานแจ้งความเอาผิดข้อหา ทำร้ายร่างกาย และจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นทุกอย่างภายในวันนี้
“พวกเขาบอกว่าเป็นกลุ่มประชาธิปไตย แต่กลับไปทำร้ายร่างกายคนอื่น การกระทำเช่นนี้มันช่างย้อนแย้ง เช่นเดียวกับการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาก็มีความรุนแรงมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มม็อบที่ทำลายทรัพย์สิน สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” นายศรีสุวรรณระบุ
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะเพิ่มความระมัดระวัง และพาเพื่อนไปด้วยมากขึ้น ยอมรับว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เป็นบทเรียนสำคัญ ยืนยันว่า คนอย่างศรีสุวรรณไม่มีคำว่าท้อ จะทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล
"ส่วนเรื่องเดี่ยว 13 ของ โน้ส อุดม ไม่จบแค่นี้ ยังมีอีกหลายช็อต ที่ต้องตามต่อ ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่อยากเอาเรื่องกรณีเดี่ยว 13 นั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ในส่วนของผมยังคงดำเนินการต่อไป" นายศรีสุวรรณกล่าวทิ้งท้าย