'บิ๊กโจ๊ก' รอง ผบ.ตร.สั่งย้าย 4 นายตำรวจสถานีตำรวจภูธรเอราวัณย้ายไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเลย สั่งปลดดาบตำรวจผู้ก่อเหตุ
สืบเนื่องจากที่ปรากฎเป็นข่าวกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างสรรพสินค้า สาขาเลย พื้นที่ สถานีตำรวจภูธร (สภ.)เมืองเลย โดยผู้ก่อเหตุได้ยิงปืนลงพื้นขู่พนักงานให้รีบส่งทองมาให้ แต่กระสุนไปทำปูนแตกสะเก็ดกระเด็นใส่ขาพนักงานขายบาดเจ็บ 1 ราย ก่อนปีนเข้าไปกวาดทองในตู้ได้ทองน้ำหนักรวม 52 บาท มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท ก่อนขับรถ MG สีดำ รุ่น ZS ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 และ พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายโดยด่วนเพราะถือว่าเป็นคดีอุจฉกรรจ์ ก่อเหตุกลางวันแสกๆ กระทั่งสามารถสบสวนสอบสวนทราบว่าคนร้าย ด.ต.สมภพ ลีลาพันธิสิทธิ์ หรือดาบโจ้ อายุ 39 ปี สังกัด สภ.เอราวัณ จ.เลย ก่อนจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาสอบปากคำ ด.ต.สมภพ เบื้องต้นทราบว่า ลงมือก่อเหตุเพราะมีหนี้สินจำนวนมากจนมีปากเสียงกับภรรยาเกี่ยวกับเรื่องเงินเป็นประจำ ทำให้เกิดความเครียด ต้องการประชดชีวิต จึงตัดสินใจก่อเหตุ กระทั่งมาถูกจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองช่วงกลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่นานเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ก่อเหตุคดีนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ภ.จว.เลย ก่อเหตุเสียเอง ดังนั้นจะได้สั่งการให้พื้นที่มีมาตรการในการป้องกันเหตุอุกฉกรรจ์ในลักษณะนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ ผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำกรณีที่มีปัญหาในการทำงาน ปัญหาส่วนตัว เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ และคอยรักษาความสงบสุขให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อ การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ทราบว่า ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงออกคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดเลยที่ 317/2565 ให้ดาบตำรวจสมภพ ลีลาพันธิสิทธิ์ ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ รวมทั้งคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดเลย ที่ 315/2565 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดเลย ที่ 316/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จากเหตุดังกล่าวเป็นกรณีที่ข้าราชการตำรวจผู้ก่อเหตุ ไม่ประพฤติ ปฏิบัติตนให้เป็นไปตามหลักการ ที่ข้าราชการตำรวจจักต้องเป็นผู้ประพฤติ ปฏิบัติตนให้เหมาะสมแก่หน้าที่ในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมายต้องรักษาวินัยตามระเบียบแบบแผนของตำรวจ หลักการสำคัญสำหรับอาชีพตำรวจ และผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดของข้าราชการตำรวจต้องกวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอ โดยใกล้ชิด ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2537 เรื่อง มาตรการควบคุม และเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจและข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชา ที่ได้กำชับการปฏิบัติไปแล้ว
จึงให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเอราวัณ 1.พันตำรวจเอกณัทญา ทองจันทร์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเอราวัณ 2.พันตำรวจโทสมยศ เชียงกางกุล รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเอราวัณ จังหวัดเลย 3.ร้อยตำรวจเอก จีระศักดิ์ สิทธิสาร รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเอราวัณ จังหวัดเลย 4.ร้อยตำรวจเอกประยูร จงกรด รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเอราวัณ จังหวัดเลย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเลย โดยให้ขาดจากตำแหน่งและสังกัดเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเลยมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2565 เป็นต้น ไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง