ป.ป.ช. ยื่นฟ้องเอง คดีกล่าวหา 'ฐานันดร กิตติวงศากูล' อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ทุจริตเรียกรับเงินสินบน 20 ล้าน แลกวิ่งเต้นช่วยเหลือชาวไต้หวันหลบหนีเข้าไทย - ขอให้ยึดทรัพย์ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายฐานันดร กิตติวงศากูล อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาหรือฐานความผิดกระทำความผิดฐานทุจริต ต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับการเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการวิ่งเต้นช่วยเหลือคดีชาวไต้หวันกลุ่มหนึ่งที่หลบหนีคดีเข้ามาในประเทศไทย
โดย ป.ป.ช. ขอให้ศาลลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 171 , 175 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 30 วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128, 129 ประกอบมาตรา 169 , 194 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2543 ข้อ 5 (2) และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง พ.ศ. 2563 ข้อ 5 และข้อ 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 83 , 84 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง
นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลสั่งและบังคับจำเลยตามคำขอ คือ ขอให้ริบทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ของจำเลย รวมเป็นเงินจำนวน 20,000,000 บาท และหรือขอให้จำเลยชำระเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามมูลค่า รวมเป็นเงินจำนวน 20,000,000 บาท ขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน หรือขอให้ริบทรัพย์สินอื่นของจำเลยแทนตามมูลค่าดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 83 และมาตรา 84 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง
เบื้องต้น ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดพิจารณาคดีในวันที่ 10 ต.ต.2565 นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า เกี่ยวกับคดีนี้ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง หลังจากการไต่สวนคดีชี้มูลความผิดทางอาญา และส่งสำนวนพยานเอกสารหลักฐานให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีแต่อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด