‘พังกำไลเงิน’ช้างจากจังหวัดสุรินทร์ โผล่หาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ควานยันจ่าย 20,000 บาทจากเขาหลัก จ.พังงา ลุ้นผู้บุกรุกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ครบกำหนด 15 วันใน 30 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ 178 ไร่ หาดเลพัง-ลายัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า ภายหลังทางจังหวัดมีคำสั่งให้ผู้บุกรุกพร้อมบริวาร รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินออกขีดเส้นให้เวลา 15 วันซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้ว่า จนถึงขณะนี้ผู้ที่บุกรุกพื้นที่ทั้งหมดยังคงใช้ชีวิตปกติ แต่ที่น่าสนใจและสดุดตา ปรากฏว่า พื้นที่ด้านใกล้กับอุทยานแห่งแห่งชาติสิรินาถ ปรากฏมีคอกช้างที่สามารถขังช้างได้จำนวน 2 เชือก แต่ปัจจุบันคงมีช้างที่อยู่ในพื้นที่เพียงเชือกเดียวชื่อพังกำไลเงิน ซึ่งเจ้าของนำมาจาก จ.พังงา
นายธนวัฒน์ (นามสมมติ) ควานช้าง เปิดเผยว่า เดิมจากพังกำไลเงิน มาจากจังหวัดสุรินทร์และมาอยู่ที่ปางช้างที่ เขาหลัก อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เจ้าของช้าง ได้นำช้างมาอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันคือหาดเลพัง ต.เชิงทะเล หลังจากที่ได้สร้างคอกช้างจำนวน 2 คอก แต่ปัจจุบัน คงอยู่ในพื้นที่เพียงเชือกเดียว ส่วนอีกเชือกได้ย้ายไปอยู่บริเวณหาดไตรตรัง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นช้างพลาย มีอาการดุร้ายหากอยู่บริเวณนี้ห่วงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น
ควานช้าง เปิดเผยว่า พังกำไลเงิน จะทำรายได้โดยการให้นักท่องเที่ยวมาซื้ออาหารให้ ราคาตะกร้าละ 200 บาท ในจำนวนนี้จะให้เจ้าของช้าง 150 บาท และ ให้ตนซึ่งเป็นคนดูแลช้าง 50 บาท และยังต้องแบ่งให้เจ้าของที่ดิน ชื่อ'จ๋า' ซึ่งเป็นชาวตำบลเชิงทะเล คิดเป็นร้อยละ 30 ต่อ 70 ระหว่าง เจ้าของช้างกับเจ้าของที่ดินที่ให้สร้างคอกช้าง
“พังกำไลเงินต้องกินอาหารวันละประมาณ 300 กิโลกรัม วันไหนที่ฝนตกไม่มีนักท่องเที่ยวมาซื้ออาหารช้างให้ช้าง ต้องปล่อยให้ช้างหากินบริเวณใกล้ๆคอกช้างและมีอาหารช้างบางส่วนที่เจ้าของช้างนำมาให้จากเขาหลัก ในช่วงที่เดินทางจากเขาหลักข้ามด่านมายังเกาะภูเก็ต ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 20,000 บาทจึงสามารถข้ามมายังเกาะภูเก็ตได้ และย่อมรับว่าในการที่มาอยู่บริเวณนี้สบายกว่าอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์และเขาหลัก” ควานช้างกล่าว
รายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่าจากการสังเกตการณ์พบว่าในช่วงเช้าจะมีเจ้าของร้านในพื้นที่ดิน 178 ไร่ จะเดินทางเข้ามายังพื้นที่ ด้วยรถยนต์หรูทะเบียนประมูลทั้งทะเบียนจังหวัดภูเก็ต และทะเบียน กรุงเทพมหานคร เมื่อสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องพบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังมีการครอบครองของบุคคลที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น สารวัตรกำนัน และตัวแทนนายทุน ซึ่งเบื้องหลังของการครอบครองพื้นที่ 178 ไร่ ยังคงมีความพยายามในการใช้เงินของกลุ่มทุนและผู้มีอำนาจหวังเป็นเจ้าของให้ได้ เนื่องจากที่ดินแปลงนี้อยู่ในทำเลที่ตั้งที่สวยงามด้านหน้าหาดมีเกาะกะทะที่ยังคงรักษาพื้นที่สีเขียวไว้ ขณะที่ชายหาดกว้างเม็ดทรายละเอียดสวยงามยิ่งนัก หากใครสามารถเป็นเจ้าของสามารถทำเงินได้เป็นจำนวนมากหลักหลายหมื่นล้านบาทและในอดีตที่ผ่านมาบุคคลสาธารณะบางรายสามารถครอบครองพื้นที่และออกเอกสารสิทธิ์ทับได้กรรมสิทธิ์ไปครอบครองแล้ว และในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้ ต้องติดตามกันต่อไปว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะสามารถที่แก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ 178 ไร่ แห่งหาดเลพัง-ลายัน ต.เชิงทะเล ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ประการใด