ปิดฉากคดีรถเรือดับเพลิงกทม.! ศาลฎีกาฯ นักการเมือง พิพากษาลงโทษ บ.สไตเออร์ จำเลยรายสุดท้าย สั่งปรับเงิน 266,666 บาท ชี้มีส่วนรวมตั้งแต่ต้นจนนำไปสู่แอบอ้างให้มีการลงนาม A.O.U. -ซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐแท้จริงแค่ข้ออ้างกีดกันผู้เสนอราคารายอื่น ระบุนักการเมือง-ขรก.ไทยผิด ต้องรับโทษด้วยฐานผู้สนับสนุน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์คำพิพากษาลงโทษปรับเงิน 266,666 บาท บริษัท เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคจี หรือบริษัทจีดี ยูโรเปียน แลนด์ซิสเต็ม – สไตเออร์ คู่สัญญาผู้ขายรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยให้กรุงเทพมหานคร
โดยคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ นายโภคิน พลกุล กับพวกรวม 6 คน จำเลย (ชั้นยกคดีสำหรับบริษัทเดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคจี หรือบริษัทจีดี ยูโรเปียน แลนด์ซิสเต็ม – สไตเออร์ จำเลยที่ 5 ขึ้นพิจารณา)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่ 4 เป็นผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 5 เป็นนิติบุคคลต่างประเทศ และเป็นคู่สัญญาผู้ขายรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยให้กรุงเทพมหานคร ส่วนจำเลยที่ 6 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อยานพาหนะดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 5 ให้มีการจัดซื้อสินค้าด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมายและขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี โดยอ้างข้อตกลงของความเข้าใจ (AGREEMENT OF UNDERSTANDING หรือ A.O.U.) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย เป็นเหตุให้มีการจัดซื้อในราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง
จำเลยที่ 5 ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาครั้งแรก ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความ และพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 4 กับยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 6
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่ 5 ขึ้นพิจารณา ศาลอนุญาต
จำเลยที่ 5 ไม่มาศาล จึงพิจารณาคดีโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยที่ 5 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 และจำเลยที่ 5 ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาครั้งแรก ถือว่าจำเลยที่ 5 ให้การปฏิเสธ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 33 วรรคสาม
ปัญหาแรกว่า การดำเนินโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงรวมทั้งอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยตามฟ้อง เป็นการดำเนินการในลักษณะรัฐต่อรัฐและยอมรับพันธะการค้าต่างตอบแทนในสัดส่วนร้อยละ 100 จริงหรือไม่
เห็นว่า โครงการจัดซื้อจัดทำขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับใบเสนอราคาของจำเลยที่ 5 ลำพัง A.O.U. เป็นเรื่องที่คู่กรณีมีความคาดหวังจะมีการปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมกันนั้นต่อไปโดยยังมิได้มีผลผูกพันเป็นสัญญา
ส่วนข้อตกลงซื้อขายเป็นเพียงการซื้อขายระหว่างกรุงเทพมหานครกับจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ดังนั้น A.O.U. และข้อตกลงซื้อขายไม่ใช่หลักฐานแสดงว่ารัฐบาลของสาธารณรัฐออสเตรียยอมเข้าผูกพันเป็นคู่สัญญา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทยและทูตพาณิชย์สาธารณรัฐออสเตรียเพียงทำหน้าที่ช่วยประสานงานและจัดให้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายกันเอง A.O.U. กำหนดขึ้นเพื่อจะผูกมัดการขายสินค้า รัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรียมิได้ให้ความช่วยเหลือรัฐบาลไทย
ในส่วนของเงินทุนตามที่มีการกล่าวอ้าง ส่วนข้อเสนอที่มีการอ้างว่าสาธารณรัฐออสเตรียจะรับพันธะการค้าต่างตอบแทนในสัดส่วน ร้อยละ 100 เป็นเพียงการซื้อบิล (ใบกำกับสินค้า) ที่บริษัทผู้มีชื่อส่งออกตามปกติอยู่แล้วมาตัดยอดตามสัญญา
เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับหลักการของการค้าต่างตอบแทนที่แท้จริง จำเลยที่ 5 เพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมบริการเป็นค่าจ้างให้แก่บริษัทผู้มีชื่อ
ฟังได้ว่า การดำเนินโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงรวมทั้งอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยตามฟ้อง ไม่ใช่เป็นการดำเนินการในลักษณะรัฐต่อรัฐที่สาธารณรัฐออสเตรียให้ความช่วยเหลือจัดหาแหล่งเงินทุนให้และยอมรับพันธะการค้าต่างตอบแทนในสัดส่วนร้อยละ 100
ปัญหาว่า จำเลยที่ 5 เสนอขายสินค้ารถและเรือพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงในราคาที่สูงเกินความเป็นจริงหรือไม่
เห็นว่า ราคารถและเรือพร้อมอุปกรณ์การดับเพลิงที่กรุงเทพมหานครจัดซื้อจากจำเลยที่ 5 มีราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของจำเลยที่ 5 จำเลยที่ 5 เป็นผู้ประกอบ การค้าสินค้าประเภทนี้มานาน ทั้งจำเลยที่ 5 ได้ยินยอมให้คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ หอการค้านานาชาติ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส มีคำชี้ขาดกำหนดมูลค่ายุติธรรมของสินค้าที่ขายในคดีนี้ และให้จำเลยที่ 5 ชำระเงินส่วนต่างคืนแก่กรุงเทพมหานคร แสดงว่าจำเลยที่ 5 รู้อยู่แล้วว่าได้เสนอขายสินค้ารถและเรือพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง
ปัญหาว่า จำเลยที่ 5 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 5 เข้ามาเกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อรถและเรือพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงตั้งแต่แรกจนนำไปสู่การแอบอ้างให้มีการลงนามใน A.O.U. ซึ่งได้กำหนดตัวคู่สัญญาล่วงหน้าเป็นจำเลยที่ 5 ทั้งรถเรือดับเพลิงที่จัดซื้อในคดีนี้ไม่ใช่สินค้าพิเศษที่ต้องจัดซื้อจากจำเลยที่ 5 แต่เพียงรายเดียว
ส่วนข้อเสนอให้ดำเนินการในลักษณะรัฐต่อรัฐโดยรับพันธะการค้าต่างตอบแทน เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อปิดโอกาสผู้ประกอบการรายอื่นเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม การจัดซื้อที่เกิดขึ้นเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างจำเลยที่ 2 และที่ 4 มาแต่แรกที่จะซื้อสินค้าดังกล่าวจากจำเลยที่ 5 โดยมีพฤติการณ์แบ่งหน้าที่กันทำ
เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 4 เป็นความผิด จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นเอกชนที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกับจำเลยที่ 2 และที่ 4 จึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน
พิพากษาว่า จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 , 13 ประกอบมาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
การกระทำของจำเลยที่ 5 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ปรับ 266,666 บาท
ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน
- ทรัพย์สิน ‘สมัคร-ภริยา’ ยื่น ป.ป.ช. 26.4 ล. ต้องชดใช้ 587 ล.คดีซื้อรถ-เรือดับเพลิง
- ฉบับเต็ม! คำพิพากษาให้ทายาท'สมัคร'ชดใช้ 587ล.พร้อมดอกเบี้ย คดีซื้อรถ-เรือดับเพลิงฉาว
- ชดใช้ 587ล.พร้อมดอกเบี้ย! ศาล ปค.สูงสุดพิพากษาทายาท'สมัคร'คดีซื้อรถ-เรือดับเพลิงโดยมิชอบ
- “คุณหญิงสุรัตน์”ภริยา“สมัคร”จะเอาเงินที่ไหนชดใช้หนี้ทุจริตรถดับเพลิง?