'ชาวทมิฬ-อินเดีย' ถูกมิจฉาชีพไทย-เมียนมาร์หลอกทำงานในไทย ปรากฎเป็นงานฉ้อโกงออนไลน์ ตกค้างในไทย-เมียนมาร์กว่า 50 ชีวิต วอน รบ.อินเดียให้ความช่วยเหลือ ชี้มีชาวอินเดียอีกกว่า 300 ชีวิตประสบชะตากรรมเดียวกัน เผยในอาเซียน ทำงานที่มาเลเซีย-สิงคโปร์ปลอดภัยสุด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์ในต่างประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศไทยว่า สำนักข่าวนิวอินเดียนเอ็กซ์เพรสของประเทศอินเดียได้มีการรายงานข่าวว่ามีบุคคลสัญชาติอินเดียเชื้อสายทมิฬกว่า 50 คน ตอนนี้กลายเป็นบุคคลตกค้างในประเทศเมียนมาร์ และพยายามที่จะหาช่องทางทางการทูตเพื่อกลับประเทศ
โดยบุคคลเชื้อสายทมิฬส่วนมากนี้นั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์ระดับหนึ่ง แต่ว่าถูกล่อลวงให้มาทำงานโดยผิดกฎหมายจากกลุ่มมิจฉาชีพที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งหลังจากที่มีการติดต่อมาแล้ว ชาวทมิฬเหล่านี้ก็จะถูกลักลอบพาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไปยังเมืองเมียวดีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมียนมาร์ ซึ่งเมืองนี้นั้นอยู่ริมชายแดนประเทศไทย และไม่ได้เป็นเมืองที่ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์จากกองทัพเมียนมาร์แต่อย่างใด เนื่องจากว่ายังคงมีการสู้รบกับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธในพื้นที่
โดยนายอตุลย์ (ชื่อถูกเปลี่ยนในภายหลัง) จากรัฐทมิฬนาฑู บอกว่าเขานั้นถูกจับตัวไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาแสดงความสนใจว่าต้องการที่จะไปทำงานในประเทศไทย แต่ปรากฏว่างานดังกล่าวนั้นมันไม่ใช่แบบที่เขาคิดไว้เลย
“ผมถูกขอให้ไปล่อลวงลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย โดยหน้าที่ของผมก็คือต้องไปขอให้พวกเขาลงทะเบียนโรงแรมออนไลน์ หรือไม่ก็ขอให้ลงทะเบียนเรื่องการลงทุนอื่นๆ ซึ่งในภายหลังผมก็ทราบว่านั่นมันคือการฉ้อโกงออนไลน์” นายอตุลย์กล่าว
นายอตุลย์กล่าวต่อไปว่าที่ผ่านมานั้นกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นชาวเมียนมาได้พุ่งเป้าไปที่การหาแรงงานชาวอินเดียเพื่อมาทำงานล่อลวงดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนกลุ่มนี้มักจะจ้างชาวจีนและชาวมาเลเซีย แต่ตอนนี้ผู้ที่ความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เป็นชาวอินเดียนั้นกำลังตกเป็นเป้าหมาย เนื่องจากถือว่าเป็นแรงงานราคาถูก
มีรายงานด้วยว่าในกลุ่มชาวทมิฬนั้น พบว่ามีบางรายสามารถหลบหนีมายังประเทศไทยได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะกลับอินเดียได้ เนื่องจากปัญหาทางกฎหมาย โดยหนึ่งในกลุ่มชาวทมิฬเหล่านี้พบว่ามีผู้หญิงอยู่ด้วยรายหนึ่ง ซึ่งชาวทมิฬโดยส่วนมากนี้เป็นผู้ที่ถือว่ามีการศึกษาดี และมีความต้องการจะหลบหนีหลังจากที่รับทราบเกี่ยวกับความไม่สุจริตของงานที่เขาทำ
แต่อย่างไรก็ตาม ทางเดียวที่จะออกจากขบวนการพวกนี้ไปได้ก็คือการต้องจ่ายเงินค่าไถ่ออกไป ซึ่งนายอตุลย์กล่าวว่าถ้าคุณไม่จ่ายเงินตามที่ได้มีการสัญญาไว้ คุณก็จะถูกทรมาน
นายอตุลย์กล่าวต่อไปว่าที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือการล่วงละเมิด โดยเราถูกขอให้ไปพบกับเป้าหมายของเรา ซึ่งนี่เป็นการขัดต่อสามัญสำนึกมาก เพราะเราจะไปโกงเงินคนอื่นได้อย่างไร ซึ่งถ้าหากเราไม่ไปพบกับเป้าหมาย เราก็จะถูกหักเงินเดือน นอกจากนี้พวกมิจฉาชีพยังมีกฎอื่นๆมากมาย ทำให้เราไม่ได้เงินค่าจ้างตามที่สัญญาเอาไว้
นายอตุลย์กล่าวว่าสำหรับตัวเขาซึ่งได้เข้าร่วม (ถูกหลอก) ขบวนการนี้เมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน นั้นพบว่าเมื่อกลุ่มชาวทมิฬได้มีการประท้วง พวกเขาก็ถูกเตือนว่าอาจจะถูกทำให้ “หายตัวไป” ก็เป็นได้
มีรายงานว่านอกเหนือจากชาวทมิฬแล้ว มีชาวอินเดียอื่นๆอีกจำนวนกว่า 300 คน อยู่ในบริษัทที่ว่านี้ และหลายคนก็ได้พยายามติดต่อกับทั้งครอบครัว ช่องทางของทางการต่างๆเพื่อขอรับความช่วยเหลือ โดยทั้งหมดนั้นไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมา เพราะกังวลว่าอาจจะเกิดอะไรบางอย่างกับพวกเขาก็เป็นได้
นายอตุลย์กล่าวต่อไปอีกว่าเขานั้นพยายามจะติดต่อไปหลายหน่วยงานมากเพื่อขอให้การช่วยเหลือชาวทมิฬที่ตกค้างอยู่ทั้งในไทยและเมียนมาร์ ซึ่งรวมไปถึงการเขียนจดหมายไปถึงนายเอ็ม. เค. สตาลิน มุขมนตรีแห่งรัฐทมิฬนาฑู และนางทมิลิไซ ซาวน์เดอร์ราจัน (Tamilisai Sounderrajan) ผู้ว่าการรัฐเตลังกานา
ขณะที่ทางรัฐบาลกลางก็ได้ระบุว่าพยายามที่จะติดต่อกลับกลุ่มแรงงานที่ยังค้างอยู่เหล่านี้และจะทำทุกทางเพื่อให้พวกเขาสามารถกลับมาจากประเทศเมียนมาร์และประเทศไทยได้
“เราได้ติดต่อไปยังสถานทูตอินเดียทั้งในเมียนมาร์และในกรุงเทพแล้ว โดยชาวทมิฬที่ตกค้างอยู่ในทั้งสองประเทศนี้อาจะถูกนำตัวกลับมาได้ ทั้งด้วยกระบวนการส่งตัวกลับประเทศ หรือไม่ก็จะเป็นภารกิจของทางสถานทูตอินเดียที่จะพาคนกลุ่มนี้กลับมา หรือถ้าไม่ได้อีก ทางรัฐบาลกลางก็จะเข้ามาช่วยเหลือ” ทางการระบุ
รายงานข่าวระบุต่อไปด้วยว่า ณ เวลานี้ได้มีการออกประกาศเตือนแรงงานต่างๆว่าให้หลีกเลี่ยงการทำงานในต่างประเทศในประเทศเช่นเวียดนามหรือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อื่นๆ
“ตอนนี้ เท่าที่เรารู้มีแค่สิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้นที่ปลอดภัย” แรงงานที่ไม่ขอระบุตัวตนรายหนึ่งระบุ
ทั้งนี้มีรายงานว่าหลายพรรคการเมืองทั่วประเทศอินเดียนั้นเรียกร้องไปยังรัฐบาลกลางให้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาชาวอินเดียที่ตกค้างในต่างประเทศโดยเร็ว