‘วิษณุ’ เผย ครม.รับทราบ แก้คำสั่งสำนักนายกฯ ให้อำนาจเต็ม ‘บิ๊กป้อม’ รักษาการนายกฯ แต่งตั้ง-ใช้งบโดยไม่ต้องปรึกษา ‘บิ๊กตู่’ ยันฝ่ายบริหารไม่มีสุญญากาศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2565 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เข้ามาทำหน้าที่ประธานการประชุมเป็นครั้งแรกว่า รัฐมนตรีบางคนประชุมผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทุกสัปดาห์มีเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจทำให้บางคนรู้สึกว่ามีสุญญากาศในการบริหารประเทศหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีสุญญากาศ วันนี้ตนชี้แจงต่อที่ประชุม ครม.ว่าไม่มีสุญญากาศ ครม.คือ ครม.อำนาจเต็ม ไม่ใช่ ครม.รักษาการ คนรักษาการนายกรัฐมนตรีมีคนเดียวคือ พล.อ.ประวิตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่ระบุว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามที่ ครม.มีมติมอบหมาย
ทั้งนี้ หากมีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้ ครม.จัดลำดับ หากไม่มีให้ ครม.เลือกรัฐมนตรีขึ้นมา วันนี้ไม่ไปไกลถึงขั้นนั้น เพราะมีการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีไว้เมื่อปี 2563 จัดลำดับไว้ แต่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่จัดลำดับไว้ มีการระบุว่าเวลารักษาราชการนั้นสามารถจัดการอะไรได้หมดทุกอย่าง ยกเว้นการแต่งตั้งและเรื่องงบประมาณจะต้องปรึกษานายกรัฐมนตรีเสียก่อน
อย่างไรก็ตามในการประชุม ครม.วันนี้ได้พิจารณาคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงคำสั่งดังกล่าว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ พล.อ.ประวิตร เมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรีแล้ว หากมีการแต่งตั้งโยกย้ายหรือมีเรื่องงบประมาณจะต้องไปปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องแก้คำสั่งตัดประโยคนี้ออกไปเพื่อให้มีอำนาจเต็ม และมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 24 ส.ค.2565
เมื่อถามว่า ในฐานะนักกฎหมายประเมินไว้หรือไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณาประเด็นระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 8 ปีไว้นานเท่าไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตอบไม่ถูก ต้องให้เวลา พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจง 15 วัน และทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญให้คนอื่นชี้แจงด้วยเช่นกัน เมื่อครบ 15 วันแล้ว เมื่อชี้แจงกันหมดแล้วก็จะเริ่มมองเห็นแล้วว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ซึ่งไม่ควรจะนาน เพราะไม่มีการสืบพยานในเรื่องนี้
วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 215/2565 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
คำสั่งดังกล่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ กรณีจึงเป็นการสมควรกำหนดรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
โดยในคำสั่ง ระบุว่า ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
2.กรณี พล.อ.ประวิตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ นายวิษณุ เครืองาม , นายอนุทิน ชาญวีรกูล , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ , นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
3.ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนตามข้อ 1 (พล.อ.ประวิตร) มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือองค์กรใด ทั้งนี้ในกรณีผู้รักษาราชการแทนตามข้อ 2 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากรองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีตามข้อ 1 (พล.อ.ประวิตร) ก่อน
4.ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หากผู้รักษาราชการแทนตาม 1 หรือ 2 แล้วแต่กรณี ต้องเข้าร่วมประชุมในคณะกรรมการใดซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และผู้รักษาราชการแทนเป็นรองประธานกรรมการหรือกรรมการร่วมอยู่ด้วย ให้ผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการเพียงตำแหน่งเดียว