ศบค.ไฟเขียวให้ร้านยาจ่ายยาผู้ป่วยโควิดตามใบสั่งแพทย์ เริ่ม 1 ก.ย.นี้ เผยยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉนฯ ชี้ยังมีเวลาพิจารณาอีก พร้อมขยายเวลาพำนักต่างชาติเที่ยวไทย อยู่ได้ 45 วัน นาน 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2565 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงสถานการณ์โควิดว่า โดยทั่วโลกลดลง เสียชีวิตก็ลดลง ส่วนของไทยเข้ารักษาใน รพ.ลดลง เสียชีวิตก็ทรงตัว แต่สถานการณ์ยังคงอยู่ในเส้นสีแดง การรักษาแบบผู้ป่วยนอกแยกกักที่บ้าน สัปดาห์ที่ 32 มีผู้ป่วย 218,042 ราย เฉลี่ยวันละ 31,148 ราย ก็คล้ายกับเดือนที่แล้ว แสดงว่ายังระบาดอยู่ในกลุ่มประชากร ส่วนใหญ่อาการไม่มาก
ผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7-13 ส.ค. จำนวน 236 ราย พบว่า ไม่ได้รับวัคซีน 121 ราย คิดเป็น 51% เป็นกลุ่ม 608 จำนวน 117 ราย รับ 1 เข็ม 7 ราย รับ 2 เข็มไม่ได้เข็มกระตุ้น 63 ราย คิดเป็น 27%
ส่วนการคาดการณ์ฉากทัศน์โควิด-19 ระยะหลังการระบาดใหญ่ (Post pandemic) พบว่าการติดเชื้อรายใหม่อยู่ต่ำกว่าเส้นสีเขียว ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อไปดูอาการหนัก ใส่ท่อหายใจกลับไปแตะที่เส้นสีแดง ซึ่งความเสี่ยงยังอยู่ในกลุ่มป่วย 608 ที่เป็นการติดเชื้อถึงปอด
ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็อยู่ในเส้นสีแดงเช่นกัน เราจึงต้องร่วมกันรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นเพื่อลดอัตราเสียชีวิต หากคนบอกว่าติดก็ติดไป ไม่เป็นอะไร แต่ในด้านสาธารณสุขเราต้องป้องกันดีๆ แม้คนแข็งแรงก็ต้องดูแลเรื่องลองโควิด-19 โดยต่างประเทศก็มีคณะกรรมการมาติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยที่ประชุมหารือว่าทำอย่างไรถึงจะลดผู้เสียชีวิตลงอีก ซึ่งก็คือการป้องกันโดยใช้วัคซีนโดยเฉพาะเข็มกระตุ้นจะช่วยได้มาก
สำหรับสถานการณ์เตียงขณะนี้ คือ 14.8% โดยอัตราครองเตียงของกลุ่มป่วยน้อยลดลง อยู่ที่ 14.3% ส่วนป่วยหนัก เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 15.7% ขณะที่ป่วยวิกฤตเพิ่มขึ้น ตอนนี้อยู่ที่ 15.8% ถือว่ายังไม่เกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข
ทั้งนี้ 33 จังหวัดมีสถานการณ์ลดลง ส่วนที่ลดลงแต่มีขึ้นบ้างหรือเป็น Small Wave มี 44 จังหวัด แต่ที่เพิ่มขึ้นชัดเจน 9 จังหวัด คือ สมุทรปราการ นครปฐม ตาก นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม หนองคาย และลพบุรี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ยาฟาวิพิราเวียร์ มี 4.9 ล้านเม็ด โมลนูพิราเวียร์ มี 6.7 ล้านเม็ด ถือว่ายังเพียงพอ แนวโน้มการใช้ยาในกลุ่มต่างๆ ต้องใช้อย่างมีเหตุผล การใช้ยาสถานการณ์ดูลดลง การเข้าใจของประชาชนก็ดีขึ้น ว่าไม่จำเป็นต้องได้รับทุกราย ไวรัสจะหายเองเมื่อภูมิคุ้มกันดี ก็จะเก็บยาสำหรับคนที่มีความเสี่ยงจริงๆ
สำหรับการเตรียมพร้อมด้านยา อย.เร่งรัดจดทะเบียน พยายามกระจายไปคลินิกเวชกรรมให้ได้ วันที่ 1 ก.ย. หน่วยบริการนอกสังกัด สธ.จะจัดซื้อยา และร้านขายยาสามารถจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยได้ตามใบสั่งแพทย์ เริ่มวันที่ 1 ก.ย. 2565 ส่วนหน่วยบริการในสังกัด สธ.จัดซื้อได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 ก็จะมีความคล่องตัวมากขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยเรื่องการยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ที่ประชุมขอประเมินสถานการณ์ก่อน ยังมีเวลา เนื่องจาก การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครอบคลุมถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565 จึงยังไม่ใช่เรื่องจำเป็น เร่งด่วน
นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่เห็นชอบการขยายระยะเวลาการพำนักของผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิดตามที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอในการขยายระยะเวลาการพำนักของต่างชาติ โดยที่ประชุมรับทราบว่าจะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว โดยกระตุ้นให้เกิดหารเดินทาง และเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเห็นชอบการดำเนินการ ซึ่งมีรายละเอียด แบ่งเป็นกรณีต่าง ๆ ดังนี้
-
ขยายระยะเวลาพำนักสำหรับผู้ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราในการเข้าประเทศ (ผ.30) ทั้งที่ไทยให้แต่ฝ่ายเดียว และที่มีความตกลงระหว่างกัน จากไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน (ผ.45)
-
ขยายระยะเวลาพำนักสำหรับผู้ได้รับ Visa on Arrival จากไม่เกิน 15 วันเป็นไม่เกิน 30 วัน
-
ขยายระยะเวลาพำนักของผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้ง 2 กรณีข้างต้นให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางการดำเนินการตามมติ ศบค.ต่อไป