ศูนย์จีโนมฯ เผยโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงจากการนั่งส้วมในห้องน้ำ ยากมาก ย้ำเป็นโรคติดต่อผ่าน รอยถลอก-บาดแผลสด-เยื่อบุในร่างกาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2565 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า เราสามารถติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจากที่นั่งส้วมในห้องน้ำได้หรือไม่
คำถามนี้กระตุ้นให้มีการทบทวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการแพร่เชื้อของไวรัสฝีดาษลิงระหว่างคนสู่คน
ผิวหนังปรกติของคนเราจะเป็นปราการด่านแรกและด่านสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากบรรดาจุลชีพ รวมทั้งไวรัสฝีดาษลิงจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ สังเกตจากการปลูกฝีในอดีตที่ใช้เชื้อไวรัสฝีดาษม้า “vaccinia virus” (ซึ่งเดิมเราเข้าใจกันว่าเป็นเชื้อไวรัสฝีดาษวัว) มาปลูกฝี ต้องใช้วัตถุมีคม เช่น มีดปลายแหลม หรือ เข็ม มากรีด หรือขีดข่วนผิวหนังบริเวณต้นแขนให้เกิดแผล(เลือดไหลซิบ) ก่อนหยดหนองฝีจากสัตว์ลงไปเพื่อช่วยให้ไวรัสเชื้อเป็นในหนองฝีเข้าสู่ผิวหนังและเพิ่มจำนวนกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้
จากประสบการณ์ตรงในอดีตที่เคยถูกปลูกฝีร่วมกับเพื่อนในชั้น เพื่อนหลายคนปลูกฝีไม่ขึ้น (ไม่เกิดแผลเป็น) ต้องมาปลูกฝีซ้ำกันอีกรอบ อันแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อไวรัสฝีดาษผ่านทางผิวหนังไม่ได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย เว้นแต่ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยถลอกหรือเป็นแผลสด ขนาดผิวหนังมีรอยถลอกหรือแผลไม่ลึกมากพอเชื้อไวรัสก็ไม่สามารถมาติดเราได้ จึงอาจพอตอบคำถามได้ว่าเป็นการ “ยากมาก” ที่เราจะติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจากที่นั่งส้วม เว้นแต่เรามีแผลสดที่ก้น
โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังที่มีรอยถลอกหรือบาดแผลสด รวมทั้งสามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุต่างๆ เช่นเยื่อบุในปาก เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุดวงตา เยื่อบุช่องคลอด เยื่อบุทวารหนัก ฯลฯ โดยผ่านทางนิ้วมือ อวัยวะเพศ หรือ วัตถุที่เป็นพาหะนำโรค (fomite) เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เซ็กซ์ทอย (ที่กับช่องคลอดหรือกับรูทวาร) ที่ใช้ร่วมกันโดยยังมิได้ชำระฆ่าเชื้อ
ในปี ค.ศ. 1798 หรือประมาณ “224 ปี” ที่ผ่านมา นพ.เอดเวิร์ด เจนเนอร์ ชาวอังกฤษได้เผยแพร่วิธีปลูกฝี โดยผู้ที่เข้ารับการปลูกฝี จะถูกกรีดบริเวณต้นแขนให้เกิดแผลสดก่อนการหยดหนองฝีจากสัตว์ลงไป (vaccination) (ภาพ2) พบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษ (smallpox) ได้ตลอดชีวิต
ในปี ค.ศ. 1720 หรือประมาณ “302 ปี” ที่ผ่านมา ในประเทศจีนและอินเดีย ได้มีการใช้หนองฝีของคนที่เป็นฝีดาษทำให้แห้ง บดเป็นผง และเป่าผ่านเข้าทางรูจมูก (mucosal vaccination) ของผู้คนที่ต้องการจะป้องกันตนเองจากการติดเชื้อฝีดาษในสมัยนั้น เรียกวิธีนี้ว่า “Variolation” ไวรัสจะเข้าไปในเยื่อบุทางเดินหายใจเพิ่มจำนวนในวงจำกัดและเกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันต่อการติดเชื้อไวรัสฝีดาษ
ในทั้งสองกรณีที่กล่าวพิสูจน์ว่ามนุษย์เราสามารถติดเชื้อฝีดาษผ่าน รอยถลอก บาดแผลสด และเยื่อบุ (mucosal tissue) ในร่างกาย