“ป.ป.ช.ตรัง” ส่งสำนวนไต่สวนบริหารท่าเทียบเรือนาเกลือมิชอบ ยุค “กิจ หลีกภัย” นั่ง นายกอบจ.ตรัง เข้าที่ประชุม กก.ป.ป.ช. ล่าสุดพบ ซื้อ นส.3 แพง กรณีจัดซื้อที่ดิน เล็งเรียก อดีตส.จ.สอบ หลังพบราคาประเมิน 4หมื่นต่อไร่ แต่ซื้อจริง 2 ล้านต่อไร่ แถมที่ดินติดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ ขณะ “นายกฯบุ่นเล้ง” นายก อบจ.ตรังคนปัจจุบัน เดินหน้าฟื้นฟูใช้งานต่อ ปรับปรุงโกดัง-ทำลานสินค้าเทกองเพิ่ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อไม่นานนี้ที่โรงแรมอีโค่อิน อ.เมือง จ.ตรัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 9 (ป.ป.ช.ภาค9) แถลงรายละเอียดผลการดำเนินงานของสำนักงานป.ป.ช. ในเขตพื้นที่ภาค 9 โดยมีนายสุชาติ กรวยกิตตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ภาค 9 พร้อม ผู้อำนวยการป.ป.ช.ประจำจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดในในเขตพื้นที่ภาค 9 ของป.ป.ช. ได้แก่ ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส ร่วมแถลง โดยนายรามกล่าวว่า ในส่วนคดีความที่เกี่ยวข้องกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง(อบจ.ตรัง) ที่ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ดำเนินการซึ่งเป็นคดีสำคัญ 2-3 คดี ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ได้แก่
1.คดีการบริหารจัดการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแล้วเสร็จในส่วนของป.ป.ช.จังหวัด และได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาแล้ว และรอที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้ความเห็นชอบตามที่ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังเสนอหรือไม่
และ2.คดีการจัดซื้อที่ดินเพื่อทำท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนไต่สวน เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้ทางผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และได้สืบพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กล่าวอ้าง ซึ่งตอนนี้พนักงานไต่สวนเจ้าของเรื่องอยู่ระหว่างสรุปสำนวน เมื่อสรุปสำนวนเสร็จ ก็จะเสนอมาที่ชั้นของป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้ความเห็นชอบเช่นเดียวกัน ซึ่งหากป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติแล้ว ทางป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง จะนำมาชี้แจงให้ทราบ
นายรามกล่าวอีกกว่า ส่วนประเด็นเรื่องของมัสยิดกลางประจำจังหวัดตรัง ที่ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ดำเนินการในเรื่องของการป้องปรามมากกว่า เพื่อป้องกันและการหาทางออกเรื่องของการป้องกันการทุจริต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องของอาคาร ในเรื่องของประเด็นการก่อสร้างแล้วมีบางส่วนชำรุดบกพร่อง ซึ่งตรงนี้อยู่ระหว่างมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการยกร่างเพื่อเป็นข้อเสนอจากทางกรรมการป.ป.ช. อาทิ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยชอบด้วยกฎหมายไม่ นอกจากนี้ในส่วนของสิ่งก่อสร้างหลายๆคดีของอบจ.ตรังที่มีการทิ้งร้าง และมีการร้องเรียนเข้ามา ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ในสำนวนของป.ป.ช. เช่น ท่าเรือทุ่งคลองสน โดยท่าเรือทุ่งคลองสนพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการดำเนินการของหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ อบจ.ตรัง มีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังเห็นว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของการทุจริตต่อหน้าที่ แต่ได้ส่งให้ผู้บังคับบัญชาไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กับอบจ.ตรังต่อไป
รายงานข่าวจากป.ป.ช.แจ้งว่า สำหรับท่าเรือนาเกลือของอบจ.ตรัง ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ บริเวณหมู่ 2 ต.เกลือ อ.กันตัง ที่อบจ.ตรังในยุคของนายกิจ หลีกภัย พี่ชายนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกอบจ.ตรังเป็นฝ่ายออกงบประมาณสำหรับการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างท่าเรือพาณิชย์ขนถ่ายสินค้า โดยท่าเทียบเรือมีความยาว 185 เมตร ความกว้าง 29 เมตร รองรับเรือขนาด 4,000 ตันกรอส จอดได้ครั้งละ 2 ลำ ซึ่งอบจ.ตรัง ได้เช่าอาคารราชพัสดุ ตั้งอยู่ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง กับกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ จำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือ อาคารคลังสินค้า อาคารซ่อมบำรุง อาคารด่านตรวจ 2 ป้อมยาม อาคารสำนักงาน และอาคารห้องเครื่อง เพื่อดำเนินกิจการสนับสนุนการส่งออกสินค้า อาทิ ข้าวโพดแห้ง มะพร้าวแห้ง ปูนซีเมนต์ ไม้ยางพาราแปรรูป แร่ ยิปซั่ม บุหรี่ เป็นต้น โดยใช้งบประมาณของกรมเจ้าท่าก่อในการก่อสร้างกว่า 406 ล้านบาท จากนั้นคืนให้กรมธนารักษ์ และอบจ.ตรังได้เข้าไปทำสัญญาเช่าปีละ 1,000,000 บาท เพื่อดำเนินการดูแลและบริหารจัดการ โดยเริ่มเช่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และสิ้นสุดสัญญาเช่าในเดือนกันยายน 2561 และมีการขอต่อสัญญาเช่าอีก 7 ปี 3 เดือน (1 ตุลาคม 2561-31 ธันวาคม 2568) รายได้หลักมาจากการเก็บค่าบริการท่าเรือ ซึ่ง อบจ.ตรัง อยู่ในระหว่างขอลดอัตราค่าเช่ากับกรมธนารักษ์ เนื่องจากมีผู้มาใช้บริการน้อยลง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาการบริหารท่าเรือนาเกลือขาดทุนทุกปี
ล่าสุดที่มีการสรุปไว้เมื่อปี 2560 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม–ธันวาคม 2560 ขาดทุนถึง 4,120,000 บาท ทั้งนี้ในปัจจุบันยังคงอยู่ในสภาพเงียบเหงา ไม่มีเรือสินค้าเข้า-ออก ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานในอาคารสำนักงาน มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแล ทั้งนี้นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกฯอบจ.ตรังคนปัจจุบันได้มีนโยบายฟื้นฟูการดำเนินการของท่าเรือนาเกลืออีกครั้ง โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนศึกษาวางแผนของคณะที่ปรึกษา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อปี 2550 กรมเจ้าท่าต้องการก่อสร้างท่าเทียบเรือให้กับจังหวัดตรัง โดยจะพิจารณาจากความพร้อมขององค์กรปกครองท้องถิ่นโดยเฉพาะเรื่องที่ดิน ซึ่งขณะนั้นอบจ.ตรังไม่มีที่ดิน แต่มีความต้องการให้มีท่าเทียบเรือ จึงทำเรื่องเพื่อแสดงทรัพย์สินและความพร้อมยินดีให้มีการก่อสร้างไปยังกรมเจ้าท่า ขณะเดียวกันระหว่างนั้นในปี 2549-2550 อบจ.ตรังจึงทำการซื้อที่ดินในพื้นที่ หมู่ 2 และ 3 ต.นาเกลือ อ.กันตัง ในวงเงินกว่า 30 ล้านบาท และที่ดินอีกส่วนหนึ่งเป็นที่ดินบริจาค นอกจากนี้ยังพบว่าอบจ.ตรังในขณะนั้น ได้ตั้งงบประมาณปี 2560 อีกวงเงิน 63 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 30 ไร่ เป็นที่ดินติดท่าเรือ
โดยมีราคาประเมินที่ดินไร่ละ 40,000 บาท แต่ อบจ.ซื้อเฉลี่ยไร่ละ 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาแพงเกินความเป็นจริง เเละที่ดินที่จะซื้อซึ่งเป็นที่ดินของผู้ขายเดิมนั้นอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้าราชการที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อในยุคนั้นจึงไม่ยอมเซ็นต์ โดยให้เหตุผลว่าที่ดินดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 และ น.ส.3ก. ซึ่งตามระเบียบพัสดุจะต้องเป็นที่ดินที่มีอาณาเขตแน่นอน และชัดเจน หรือ เป็นโฉนดที่ดิน เพราะที่ดิน น.ส. 3 ถือว่ายังไม่มีอาณาเขตที่ชัดเจนแน่นอน ต่อมาในปี 2561 ดาบตำรวจชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย รองประธานสภาอบจ.ตรังในขณะนั้น ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามจัดเก็บรายได้และทรัพย์สินของอบจ.ตรัง และเป็นผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ได้ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ให้ทำการสืบสวนสอบสวน โดยเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งสำนวนการไต่สวนในประเด็นการบริหารจัดการท่าเรือโดยมิชอบไปยังคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาชี้มูลแล้ว ส่วนประเด็นปัญหาการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างท่าเรือกำลังออยู่ระหว่างสรุปสำนวนไต่สวนของป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกฯอบจ.ตรังคนปัจจุบัน ได้มอบหมายให้นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เลขานุการนายกฯอบจ.ตรัง นายกิตติเดช วรรณบวร ประธานสภาอบจ.ตรัง พร้อมด้วยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือซึ่งแต่งตั้งขึ้น ประกอบด้วย สมาชิกสภาอบจ.ตรังในพื้นที่อำเภอกันตัง 3 คน ผู้อำนวยการกองช่าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติการและการพาณิชย์ และผู้ประกอบการเอกชนที่เคยใช้บริการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ลงพื้นที่ติดตาม ศึกษาข้อมูล ปัญหา อุปสรรค และความเป็นไปได้ของการบริหารท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อีกครั้ง
โดยมีการนำเสนอประเด็นปัญหา เช่น ท่าเทียบเรือไม่มีเครื่องจักรในการให้บริการ ระยะทางในการขนส่งทางบกไกลกว่าท่าเทียบเรือเอกชนอื่น ๆ ผู้ประกอบการขาดความมั่นใจในการให้บริการทั้งขาเข้าและขาออก สายเดินเรือที่จะมาเป็นคู่ค้าเพื่อทำการตลาดมีน้อย การประกอบการขาดทุน เป็นต้น ทั้งนี้ นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เลขานุการนายกอบจ.ตรัง ได้ออกมาระบุในขณะนั้นว่า เป็นการดำเนินการตามนโยบายการพัฒนาของนายกอบจ.ตรัง ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม และสาธารณูปโภค เชื่อมโลกผ่านการพัฒนาท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือให้เป็นท่าเรือเพื่อการส่งออกสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะไม้ยางพารา และลดการขาดทุน เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เกิดประโยชน์ในการสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นในจังหวัดตรังต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะขับเคลื่อนได้
ขณะที่ทางด้านของฝ่ายประชาสัมพันธ์อบจ.ตรัง ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง ลงบนเอกสารข่าว โดยนายบุ่นเล้งกล่าวว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง พบข้อมูลว่า อบจ.ตรัง มีรายรับ-รายจ่าย ในกิจการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ซึ่งได้มาจากให้บริการหน้าท่าให้กับเรือขนส่งสินค้าไปต่างประเทศอยู่ในภาวะขาดทุน จึงได้พยายามพัฒนาและฟื้นฟู ท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือให้มีรายได้มากขึ้น โดยมีการประชุมร่วมกับผู้ที่มีประสบการณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่ และระดับกระทรวง กรมเพื่อสนับสนุนให้ท่าเรือมีศักยภาพมากขึ้น และมีผู้มาใช้บริการรวมถึงหาแนวทางในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการให้มีความสะดวก คล่องตัวมากขึ้นภายใต้ระเบียบกฎหมายที่รองรับ
โดยปัจจุบันมีเรือขนส่งสินค้ามาใช้บริการมากขึ้น และทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย โดยในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2565 มีเรือขนปูนซิเมนต์ไปประเทศพม่ามาใช้บริการหน้าท่าหลายเที่ยว ซึ่งเป็นตัวเลขจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้ที่ดีกว่าเดิม และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น นอกจากนั้นยังมีคู่ค้าจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ และบริษัทเอกชนในประเทศไทยหลายรายเข้ามาคุยรายละเอียด และลงพื้นที่ไปดูท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ
“ตอนนี้กำลังรอยืนยันการใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ให้ข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการหน้าท่าให้มีประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจให้กับคู่ค้ามากขึ้น และได้นำมาเป็นแนวทางปรับปรุงท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ดังนี้ 1. ปรับปรุงโกดังสินค้าสำหรับสินค้าหีบห่อ และ 2.ปรับปรุงพื้นที่ว่างเปล่ากว่า 7 ไร่ เป็นลานกว้าง สำหรับสินค้าเทกอง อย่างไรก็ตามท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือมีข้อจำกัดเรื่องร่องน้ำที่ไม่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ จึงได้วางแนวทางการพัฒนาท่าเทียบเรือนาเกลือเพิ่มเติมไว้ โดยขอให้กรมเจ้าท่าขุดร่องน้ำเพิ่มประมาณ 2-2.5 เมตร จากเดิมความลึกหน้าท่า 4.60-6.00 เมตร นอกจากนั้น อบจ.ตรัง ได้ขอปรับลดค่าเช่าหรือยกเว้นค่าเช่าอาคารราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ และขออนุญาตกรมธนารักษ์ให้มีการเช่าช่วงหรือบริหารจัดการแทน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมธนารักษ์”นายก อบจ. กล่าว