ป.ป.ช.สงขลา แถลงมติชี้มูล 'สามารถ ใจสมุทร' อดีตผอ.สนง.ทรัพยากรน้ำภาค 8 ปิดห้องทำงานเรียกรับค่าน้ำเอกชน 32% แลก 4 โครงการ มีหลักฐานคลิปเสียงมัด หลังโดนชี้ร่ำรวยผิดปกติร้อยล้าน ส่งอัยการสูงสุดฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 9 (ป.ป.ช.ภาค9) เปิดแถลงผลการดำเนินงานของสำนักงานป.ป.ช. ในเขตพื้นที่ภาค 9 โดยมีนายสุชาติ กรวยกิตตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 9 พร้อม ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 9 ของป.ป.ช. ได้แก่ ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส ร่วมแถลง
น.ส.สุดใจ ไข่เสน ผอ.สำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา แถลงว่า คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายสามารถ ใจสมุทร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 มีการเรียกรับเงินจากผู้ประสงค์รับทำงานตามโครงการของสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 จำนวน 4 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำตำบลช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส วงเงินงบประมาณ 8,972,900 บาท 2.โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำกะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส วงเงินงบประมาณ 5,567,100 บาท 3.โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำตำอาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา วงเงินงบประมาณ 10,610,200 บาท และ 4. โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำบ้านเทพา อ.เทพา จ.สงขลา วงเงินงบประมาณ 9,591,800 บาท
จากการตรวจสอบไต่สวนพบพฤติการณ์กระทำความผิด คือ เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกรับเงินเพื่อให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างในโครงการของสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 จำนวน 4 โครงการดังที่กล่าวมา โดยเรียกรับเงินจำนวน 30% ของงบประมาณ หากได้เข้าทำสัญญาจะเรียกเก็บอีก 2% แต่ผู้กล่าวหามิได้ตกลงด้วย
โดยจากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงที่เชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกรับเงินจากผู้กล่าวหาจริง ตามที่ปรากฏหลักฐาน คือ กลุ่มผู้กล่าวหาจำนวน 3 ราย ได้ไปพบผู้ถูกกล่าวหาที่ห้องทำงานผอ.สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 หลายครั้ง เพื่อพูดคุยงานโครงการของสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 ในการพูดคุยนั้นผู้ถูกกล่าวหาจะให้งานแก่กลุ่มผู้กล่าวหาจำนวน 4 โครงการที่กล่าวมา แต่บุคคลทั้ง 3 ต้องจ่ายเงิน 32% ของงบประมาณโครงการให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา
นอกจากนี้ การเข้าพบผู้ถูกกล่าวหาแต่ละครั้ง ได้มีการบันทึกเสียงผู้ถูกกล่าวหาไว้ โดยมีการมอบไฟล์บันทึกเสียง จำนวน 10 ไฟล์ จากการตรวจสอบพิสูจน์ไฟล์เสียงไม่พบร่องรอยการตัดต่อแต่อย่างใด และมีข้อมูลจากพยานรายหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้กล่าวหาทั้ง 3 ราย และเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้ถูกกล่าวหา ได้อยู่ในเหตุการณ์ในขณะสนทนาด้วย ให้ถ้อยคำว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ร้องขอให้ช่วยพูดคุย และอ้างตัวว่าเป็นฝ่ายการเมืองเพื่อให้มีความสมจริงและมีความน่าเชื่อถือ และยังให้ถ้อยคำยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เรียกรับผลตอบแทนจากกลุ่มผู้กล่าวหาจริง โดยพยานรายดังกล่าวได้มีการตรวจสอบข้อความที่ถอดจากไฟล์บันทึกเสียง และให้ถ้อยคำยืนยันว่าไฟล์เสียงสอดคล้องกับถ้อยคำที่อยู่ขณะสนทนาจริง ถือว่าเป็นหลักฐานสนับสนุนเพียงพอ
น.ส.สุดใจ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้พิจารณาสำนวนคดีกรณีผู้ถูกกล่าวหารายเดียวกันนี้ ระบุว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินมากผิดปกติ รวมมูลค่า 113 ล้านบาท ประกอบด้วย สลากออมสินพิเศษ ธนาคารออมสิน จำนวน 107 ล้านบาท หุ้นกู้ได้สิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กว่า 7 แสนบาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 3.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 1.2 ล้านบาท โดยศาลจังหวัดสงขลาได้มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขแดง ที่1715/2559 เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2559 ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ
“ดังนั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาบังอาจเรียกรับเงินจากผู้กล่าวหากับพวก เพื่อแลกกับการเข้าทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างโครงการ ทั้ง 4 โครงการ ตามคำกล่าวหาจริง แม้จะไม่ได้รับเงิน และผู้ถูกเรียกจะไม่ได้รับงานตามโครงการที่อ้าง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาก็ถือเป็นความผิด คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายสามารถ ใจสมุทร ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา149 และ มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางอาญาอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85 (1) และ (4) ทั้งนี้ทางป.ป.ช.ได้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในฐานทุจริต และส่งไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยกับนายสามารถแล้ว”น.ส.สุดใจกล่าว
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลอันถึงที่สุด
อ่านประกอบ :