นักไวรัสวิทยาชี้โอไมครอนกลายพันธุ์-เปลี่ยนตัวเองเร็ว เผย BA.5 ต่างจาก BA.1 มาก ด้านหมอธีระวัฒน์ หวั่น ก.ย.-ต.ค. อาจเกิดโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ย้ำเคยป่วยแล้วก็ติดเชื้ออีกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2565 นายอนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระว่า ช่วงที่โอไมครอน BA.1 ระบาดตอนต้นปียังมีผู้ป่วยที่ติด BA.1 แบบที่ไม่มีภูมิจากวัคซีนมาก่อนพอสมควร ทำให้นักวิจัยสามารถนำภูมิจากการติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็นโอไมครอนตัวแรก มาทดสอบความสามารถในการยับยั้งไวรัสโอไมครอนตัวใหม่ๆ รวมถึงไวรัสที่เป็นลูกผสมระหว่าง BA.1 กับ Delta (XD) ด้วย
จากผลการศึกษาจะเห็นชัดว่า BA.1 แตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิมมากจน ภูมิที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติมาไม่สามารถข้ามไปป้องกันสายพันธุ์เก่าได้เลย คล้ายๆกับคนที่มีภูมิจากวัคซีนสายพันธุ์เก่ามาถ้าไม่ boost เพิ่ม BA.1 ก็จะหนีได้หมดเช่นกัน อันนี้เห็นชัดว่าการกลายพันธุ์ของโอไมครอนเปลี่ยนแบบฉับพลันมากๆ
ที่น่าสนใจคือ ไวรัสในตระกูลที่ WHO เรียกว่า Omicron เหมือนกันอย่าง BA.2, BA.3 และ BA.4/BA.5 เราคาดหวังว่าน่าจะมีความใกล้เคียงกับ BA.1 มากกว่าสายพันธุ์เดิม ซึ่งข้อมูลบอกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพียงแต่ ไวรัสตัวใหม่ๆ เหล่านี้หนีภูมิจาก BA.1 ไวมากๆ ที่ชัดที่สุดคือ BA.4/BA.5 ที่ระดับภูมิคุ้มกันจาก BA.1 แทบจะยับยั้งไวรัสไม่ได้แล้ว ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ดั้งเดิมมาก ทั้งๆ ที่ไวรัสทั้งสองชื่อเป็นกลุ่ม BA หรือ โอไมครอนเหมือนกัน ซึ่งการใช้ชื่ออักษรกรีกเป็นตัวระบุสายพันธุ์ใหม่ที่แตกต่างคงไม่มีประโยชน์ หรือ ไม่ทำกันแล้ว เพราะข้อมูลชัดว่า BA.5 วันนี้ไม่เหมือนกับ BA.1 พอที่จะเรียกว่าครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป
วัคซีนรุ่นใหม่ที่ตอนแรกตั้งใจใช้ BA.1 เป็นแอนติเจนหลัก ถูก FDA ให้กลับไปปรับใหม่เป็น BA.5 แทน คงเนื่องจากสาเหตุนี้ แต่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราอาจจะเจอกับ BA.xx ที่ภูมิจาก BA.5 เอาไม่อยู่เช่นกัน เป็นสิ่งที่ไม่เกินการคาดเดา
ทางด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า สามประสาน วินัย-ยารักษาเร็ว-วัคซีน วัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียว จาก Imperial Collegeในวารสาร Science เดือนมิถุนายน และรายงานอื่นๆ จนปัจจุบัน
สำคัญมากครับ ทั้ง T และ B cell ในคนได้วัคซีนสามเข็ม หรือ ได้วัคซีนบวกติดเชื้อด้วยโควิดสายเก่งต่างๆ (variant of concern) มาก่อน เมื่อมีการติดโอไมครอนกลับมีการตอบสนองที่ลดลงไปต่อโอไมครอน เมื่อเทียบกับสายอื่นๆ และอธิบายว่าเมื่อมีการติดโอไมครอนที่เป็นการติดเชื้อตามธรรมชาติ โอไมครอนไม่ได้ปฏิบัติเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างที่หวังจะให้เป็น แบบตัวกระตุ้นผสมกับวัคซีน ที่เรียกว่า ไฮบริด
และวัคซีนที่ฉีดไปทั้ง 3 เข็ม รวมทั้ง mRNA gen ใหม่ ที่มี omicron spike ก็ได้ผลแบบเดียวกันคือ กลับลดลงต่อโอไมครอน แต่กลับไปเพิ่มภูมิต่อโควิดสายเดิม ทั้ง อู๋ฮั่น แอลฟา เดลต้า ตามที่มีพิมพ์เขียวอยู่
ทั้งนี้ แสดงว่าepitopes ของ T และ B ที่วัคซีน รุ่นใหม่จะดีหรือไม่อาจจะต้องอยู่นอก spike/RBD หรือขึ้นกับ Conformational epitopes ระหว่างการติดเชื้อของ โอไมครอนหรือไม่ ตามที่คณะผู้วิจัยวิเคราะห์
ปรากฎการณ์นี้ เรียกว่า hybrid immune damping
ผลกระทบก็คือไม่ว่าฉีดวัคซีน หรือไม่ว่าติดโอไมครอนไปแล้วหรือ ฉีดและติดไปแล้ว ติดโอไมครอนใหม่ซ้ำซากได้ และหมายความว่าลองโควิดที่จะเจอจะมากขึ้นเรื่อยๆจากการติดเชื้อซ้ำๆ แม้ว่ารายงานระยะแรกในปี 2565 โอไมครอนดูเหมือนจะเกิดลองโควิดน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม การฉีดครบสามเข็มด้วย PZ หรือ MDN / AZ AZ และ เข็มสาม PZ หรือ MDN ยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่ช่วยลดอาการหนักหรือลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
สำหรับวัคซีนเข็มสี่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีคำแนะนำเข็มสี่ มีประโยชน์สำหรับคนที่อายุ 80 หรือสูงวัยที่มีโรคประจำตัว (การศึกษาอายุเกิน 60 ขึ้นไปโดยเฉลี่ยอายุ 80 ปี) ด้งรายงานจาก ต่างประเทศ
การใช้เข็มสี่ที่เป็น bivalent (mRNAเดิมผสมโอไมครอน 1/2) ในสถานการณ์ โอไมครอน BA 4/5 รวมกระทั่งถึงการใช้วัคซีนที่เป็นโอไมครอน BA4/5 เกรงกันว่าภายในเดือนกันยายนหรือตุลาคม โอไมครอนอาจจะหนีออกไปอีก รวมกระทั่งมีวาเรียนท์สายย่อยอื่นออกมา ที่สามารถหนีทั้งในการป้องกันการติดเชื้อ
แม้ว่าความดี ของการลดอาการหนักอาจจะยังคงอยู่จากการฉีดวัคซีนที่ผ่านมารวมทั้งการติดเชื้อด้วย โดยที่ไม่ได้ออกฤทธิ์แบบเฉพาะเจาะจงต่อโควิดตัวใดตัวหนึ่ง และเป็นการออกฤทธิ์แบบ เฉียบไวเฉียบพลัน (ระบบinnate )
ด้วยความเก่งกาจของโควิดและข้อจำกัดของวัคซีน ดังนั้นวัคซีนคงไม่ใช่คำตอบเดียว แต่ต้องเป็นการร่วมประสานวินัยของพวกเราเอง และยาที่ใช้รักษาต้องสามารถเข้าถึงได้เร็วที่สุดเพื่อยุติกระบวนการติดเชื้อและทำให้อาการสงบเร็วไม่แพร่เชื้อต่อ และอาจลด ลองโควิด และวัคซีน ภาคบังค้บ 3 เข็ม (มากกว่านั้นตามความสมัครใจ)