ครม.เคาะ 2 มาตรการช่วยประชาชน ‘คนละครึ่ง’ เฟส 5 แจกอีก 800 บาท พร้อมเติมเงิน ‘บัตรคนจน’ 200 บาท 2 เดือน มีผล ก.ย.-ต.ค.2565
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือประชาชน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบ่งเป็นโครงการเพิ่มเงินเดือนละ 200 บาท 2 เดือนในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น คนเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่สามารถใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง นอกจากนั้นยังเห็นชอบโครงการคนละครึ่งเฟส 5 วงเงินคนละ 800 บาท เริ่ม ก.ย.-ต.ค.2565
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบมาตรการภาษี 2 รายการ เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ประกอบด้วย 1.มาตรการลดอัตราภาษี 80% จากอัตราที่กำหนด เป็นคำนวณตามขนาดของรถเป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2565 – 30 ก.ย.2568 คาดการณ์ว่าจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 128,000 คัน 2.ยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบและผลิตในประเทศ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึง 31 พ.ค.2568
นอกจากนั้นยังเห็นชอบ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน ให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และธุรกิจเกี่ยวข้อง รายละไม่เกิน 5,000,000 บาท เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่มีการปล่อยข่าวออกมาว่า ไทยไม่ใช่เป้าหมายการลงทุนที่สำคัญของโลกและภูมิภาค ซึ่งตนเคยกล่าวแล้วว่า 6 เดือนแรกในรอบปี 2565 มีการลงทุนแล้ว 69,949 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30,000 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรก ประกอบด้วย ญี่ปุ่น 71 รายคิดเป็น 25% วงเงิน 26,237 ล้านบาท สิงคโปร์ 51 รายคิดเป็น 18% วงเงิน 10,478 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 35 รายคิดเป็น 12% วงเงิน 2,899 ล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ทั้งภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัว เศรษฐกิจไทย อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลง เป็นผลดีกับการส่งออก แต่มีปัญหาเรื่องการนำเข้า และเป็นปัญหาเดียวกันทีเผชิญกันทั่วโลก ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศมหาอำนาจ มีผลกระทบกับอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย มีผลเงินลงทุนไหลเข้าไหล ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังติดตามเรื่องนี้อยู่ รวมถึงสินค้าเกษตรที่มีราคาเพิ่มขึ้น และได้กำชับกระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องระวังไม่ให้กระทบประชาชนมากจนเกินไป
‘คนละครึ่ง-บัตรคนจน’กรอบวงเงิน 2.7 หมื่นล.
นายธนกร เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 กรอบวงเงิน รวม 21,200 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 26.5 ล้านคน โดยประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2565 – 31 ต.ค.2565 ทำให้ประชาชนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐคนละ 800 บาท โดยสามารถใช้จ่ายได้วันละไม่เกิน 150 บาท
สำหรับแผนดำเนินโครงการ ประชาชนสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. และจะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนและใช้สิทธิโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป
นายธนกร กล่าวย้ำว่า คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มเติม 42,400 ล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีขยายตัว 0.12% เมื่อเทียบกรณีไม่มีโครงการ
ส่วนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 5 วงเงิน 5,336.83 ล้านบาท และ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เฟส 3 กรอบวงเงิน 890.88 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษจำนวน 200 บาทต่อคน รวมระยะเวลา 2 เดือน มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.- 31 ต.ค.2565 รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน
นายธนกร กล่าวย้ำว่า สำหรับ 2 โครงการนี้กลุ่มเป้าหมายราว 15 ล้านคนจะได้รับการช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า และซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 นอกจากช่วยทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย