‘พิจารณ์’ ส.ส.ก้าวไกล แฉรัฐบาลซื้ออาวุธไซเบอร์ 3 สปายแวร์ รวม ‘เพกาซัส’ สอดแนมนักวิชาการ-นักกิจกรรม พบ ‘ปิยบุตร-พรรณิการ์-ชัยธวัช’ โดนโจมตี แนะคนใช้ไอโฟนตรวจสอบข้อมูล ‘ชัยชาญ’ ยันไม่ใช้ ‘เพกาซัส’ ละเมิดสิทธิประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2565 เวลา 16.00 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประเด็นเกี่ยวกับสปายแวร์สอดแนมประชาชนที่ชื่อว่า เพกาซัส ที่เปรียบเป็นอาวุธสงครามทางไซเบอร์ที่ร้ายกาจที่สุดในโลกในขณะนั้นโดยเงินภาษีประชาชนในการจัดซื้อ
นายพิจารณ์ กล่าวว่า โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ร่วมกับ DigitalReach หน่วยงานต่อสู้เพื่อความปอลดภัยทางไซเบอร์และ Citizen Lab ศูนย์วิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประเทศแคนาดา เปิดเผยหลักฐานการใช้เพกาซัสในการสอดแนมประชาชน โดยมีผู้ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 30 คน ทั้งนักกิจกรรม นักวิชาการ เจ้าหน้าที่เอ็นจีโอ
“นี่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย เพราะทั้ง 30 คนนี้ไม่ได้อยู่ในข่ายที่รัฐบาลจะมีอำนาจใดๆ ที่จะไปสอดแนม ไปโจมตีเขาด้วยอาวุธไซเบอร์ นี่เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพวกเขาอย่างชัดเจน” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวว่า สำหรับสปายแวร์เพกาซัส เปรียบเทียบเหมือนเรายื่นโทรศัพท์มือถือพร้อมรหัสให้กับคนอื่น และสามารถเข้าไปดูได้ทุกอย่าง ดักฟังโทรศัพท์ อ่านไลน์แบบปัจจุบันทันด่วน ดูข้อมูลการโทรและการเดินทางได้ทั้งหมด โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
นายพิจารณ์ กล่าวอ้างรายงานจาก Citizen Lab พบการใช้เพกาซัสครั้งแรกตั้งแต่เดือน พ.ค.2557 พบความเคลื่อนไหวในเขตเวลาของไทย โดยชี้ไปที่เว็บไซต์ siamha , thtube และ thainews และมีการใช้งานเพกาซัสอย่างต่อเนื่องมาจนถึงอย่างน้อยในปี 2564
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการสั่งซื้อสปายแวร์อื่นๆ อาทิ สปายแวร์ที่ชื่อ RCS จากบริษัท Hacking Team ในอิตาลี คู่แข่งของเพกาซัส โดยชื่อหน่วยงานที่ซื้อคือกรมราชทัณฑ์ ซื้อในปี 2556 ในราคาประมาณ 11.5 ล้านบาทบวกค่าธรรมเนียมการจัดการรายปีประมาณ 2 ล้านบาท และ กองทัพบก ซื้อในปี 2557 ราคาประมาณ 14.4 ล้านบาท
“ผมเชื่อว่า การจัดหาสปายแวร์ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศจริงๆ ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใช้อาวุธไซเบอร์เพื่อสอดแนมหรือโจมตีประชาชน แต่หลังการรัฐประหารยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ผมเชื่อว่าทิศทางการใช้สปายแวร์เปลี่ยนไป พุ่งเป้ามาที่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในรายงานของ Citizen Lab ยังพบว่ามีการจัดซื้อชุดอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Circles ในหลายหน่วยงานของไทย อาทิ หน่วยข่าวกรองทหารบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง พบว่า ระหว่างปี 2558-2563 บช.ปส.มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างบำรุงรักษาเครื่องมือดังกล่าว รวม 9 รายการ และพบอีก 10 รายการที่ไม่ได้ระบุยี่ห้อ Circles แต่ระบุว่าเป็นการซื้อระบบและจ้างบำรุงรักษาชุดอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือ
“ผู้ที่ถูกแฮ็ก กลับเป็นนักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็น น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล , รศ.ดร. พวงทอง ภวัครพันธุ์ , รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รวมถึงนักการเมือง เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า , น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า , นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล , น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส. พรรคก้าวไกล, และนายปกรณ์ อารีกุล ผู้ช่วย ส.ส.ของ นายรังสิมันต์ โรม ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาชญากรร้ายแรงใดๆ เพียงแต่เป็นผู้ที่เป็นศัตรูของระบอบประยุทธ์เท่านั้น” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่ถูกตรวจพบเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ใช้โทรศัพท์ไอโฟนที่เป็นระบบ ios ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และยังไม่นับรวมกับผู้ใช้ระบบแอนดรอยด์ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ไอโฟนและต้องการตรวจสอบว่าเคยถูกโจมตีหรือไม่ ทำได้ 3 วิธี คือ 1.เช็คอีเมล์ว่า apple เคยส่งอีเมล์ [email protected] มาเตือนหรือไม่ 2.เช็คข้อความ iMessage ว่ามีการแจ้งเตือนโดย [email protected] หรือไม่ และ 3.ล็อคอิน Apple ID ผ่านเว็บไซต์ Apple.com เพื่อตรวจสอบการแจ้งเตือน หากผู้ใดได้รับการแจ้งเตือนขอให้ติดต่อไอลอว์เพื่อนำโทรศัพท์ไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
นายพิจารณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม จะลุกขึ้นมาตอบว่า หากไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วจะไปกลัวทำไม เป็นคำที่ถูกใช้บ่อยมาก ก็ต้องถามกลับไปว่า ถ้าเราเสนอให้ทำรายการตามติด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำได้หรือไม่
นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าบุคคลที่ถูกติดตามไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติด ไม่ได้ค้ามนุษย์ ไม่ได้ฟอกเงิน ไม่ได้ทำอันตรายต่อรัฐ ไม่ได้เป็นกองกำลังติดอาวุธ พวกเขามีเพียงแค่ปากและปากกา มีเพียงแค่ความหวังดีต่อชาติบ้านเมือง มีเพียงความคิดความอ่านที่อยากเห็นประเทศไทยไปไกลกว่านี้ การแสดงออกของพวกเขา ยืนยันว่าไม่ได้ทำให้รัฐไทยล่มสลาย แต่สิ่งเดียวที่มีคือความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนี้ และไม่เห็นด้วยกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์
‘ชัยชาญ’ ยันไม่ใช้ ‘เพกาซัส’ ละเมิดสิทธิประชาชน
เมื่อเวลา 20.40 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า กระทรวงกลาโหมไม่เคยใช้การดำเนินการข่าวสารหรือไอโอ ไปดำเนินการกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ เน้นย้ำว่า เรื่องข่าวลวง ข่าวปลอม เฟกนิวส์ มีผลกระทบมาก ในส่วนกองทัพได้มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ทำหน้าที่ประสานงานชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ข่าวปลอมมีผลกระทบกับเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จนเกิดความเข้าใจผิดและเกิดผลกระทบในวงกว้าง
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสปายแวร์ ที่นายพิจารณ์พูดถึงเป็นการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานทั่วไป หลังบริษัทได้ตรวจพบการติดตั้งสปายแวร์เข้าไปในโทรศัพท์ที่ผลิตโดยบริษัทของตนเอง ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย จึงได้มีการส่งอีเมลแจ้งมายังหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ปรับปรุง ป้องกัน ไม่ได้ส่งเฉพาะในไทยเท่านั้น มีการส่งไปถึง 45 ประเทศทั่วโลก เมื่อบริษัทตรวจสอบก็เป็นการแจ้งเตือนให้มีระบบป้องกัน
“ขอเรียนยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้สปายแวร์ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใด ยืนยันว่าไม่เคยกำหนดที่จะใช้สปายแวร์หรือการดำเนินการข่าวสารจนกระทบสิทธิบุคคลหรือประชาชนทั่วไป” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
ต่อมา นายพิจารณ์ อภิปรายเพิ่มเติมว่า อีเมลที่ส่งมาในไทยเท่านั้น เพราะจริงๆ ส่งไปทั่วโลก และไทยก็ได้รับ และยืนยันว่าเพกาซัสขายให้เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น และท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ครอบครองเพกาซัส เพียงแต่ระบุว่า ไม่ได้มีนโยบายใช้สอดแนมประชาชน และคงเป็นเรื่องตลกที่รัฐบาลอื่นจะมาสอดแนม 35 คนไทย ถือว่าถ้าการชี้แจงไม่ได้สามารถทำให้ประชาชนยอมรับได้ ก็เหมือนกับกลายๆว่า รัฐบาลได้ยอมรับว่าใช้เพกาซัสกับประชาชน เราคงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากนั้น พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงต่อทันทีว่า ข้อมูลที่ขึ้นภาพว่ามีการเสนอขายให้กับประเทศไทยนั้น เป็นข้อมูลของผู้เสนอขาย อย่าเพิ่งเชื่อถือ และจะต้องไปตรวจสอบ ก็ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้สปายแวร์หรือปฏิบัติการข่าวสารไปกระทบต่อสิทธิของบุคคลหรือประชาชนทั่วไป