ส.ส.ก้าวไกล ขออภัยในความผิดพลาด พูดชื่อหน่วยงานจัดซื้อ iPad 130 เครื่องผิดจาก สลน.เป็น สลค. แต่ยืนยันตั้งสเป็คระดับเขียนโปรแกรม โครงการแพงเกินความจำเป็น ขณะที่ ‘ธนกร’ จี้ขอโทษข้าราชการ ไล่ไปศึกษาข้อมูลให้แม่น อย่าทำตัวเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้ข้อมูล นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่อ้างถึงการจัดซื้อ iPad Pro 130 เครื่อง โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการนำข้อมูล 2 โครงการมารวมกัน คือ 1.การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ ALL-IN-ONE จำนวน 138 เครื่อง เพื่อทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ และ 2.โครงการจัดทำฐานข้อมูลภารกิจด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีที่มีการจัดซื้อแท็บเล็ตพร้อมอุปกรณ์ 6 เครื่อง โดยใช้งบประมาณรวม 4.03 ล้านบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
-
‘ก้าวไกล’ แฉจัดซื้อ iPad Pro 130 เครื่อง สำนักนายกฯ ควักภาษี 10 ล้านแจกข้าราชการ
-
'ธนกร'โต้'ก้าวไกล'จับแพะชนแกะรวมข้อมูล 2 โครงการใส่ร้ายนายกฯ จัดซื้อ iPad Pro 10 ล้าน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2565 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ระบุว่า นายจิรัฏฐ์ ขอยอมรับว่า กล่าวชื่อหน่วยงานผิด และขออภัยในความผิดพลาด แต่ยืนยันว่าในรายละเอียดถูกต้องทั้งหมด รวมถึงหน่วยงานที่จัดซื้อดังกล่าวก็เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) คือหน่วยงานที่จัดซื้อ iPad Pro แพงเกินความจำเป็น สเป็คระดับงานเขียนโปรแกรม ไม่ใช่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) อย่างที่กล่าวผิดไปในตอนแรก
“ส่วนที่บอกว่าสั่งซื้อ iPad pro ตัวท็อปก็ไม่ผิดแน่ ถูกต้องตามเอกสารทุกอย่าง 130 เครื่อง แถมเมื่อตรวจสอบเพิ่ม เหมือนจะมีมูลว่าจะไม่ใช่ 130 เครื่อง แต่เป็น 210 เครื่อง เพราะว่าเอกสารที่นำมาชี้แจงมี 2 ชุด ชุดหนึ่ง 130 เครื่อง ชุดหนึ่ง 210 เครื่อง” นายจีรัฏฐ์ กล่าว
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังตรวจสอบและพบว่า สลน.ก็มีการซื้ออุปกรณ์เช่นนี้เหมือนกัน และมีความไม่ชอบมาพากลของโครงการด้วย เพราะเขียนโครงการว่า โครงการจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแทนระบบเดิม เพื่อใช้ดูการประสานงาน รวมถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกัน โครงการนี้อ้างว่าของเดิมใช้มาแล้ว 5 ปี แต่บรรทัดสุดท้ายของการจัดซื้อเขียนว่า จะใช้ไปอีกไม่น้อยกว่า 3 ปี ใช้งบประมาณทั้งหมดราว 38 ล้านบาท ซึ่งอาจตั้งคำถามต่อว่า การใช้งาน 3 ปีเท่านั้น แล้วก็ซื้อใหม่อีกหรือไม่
นายจิรัฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน ในโครงการเขียนว่า แท็บเล็ตแบบที่ 1 แท็บเล็ตแบบที่ 2 แท็บเล็ตแบบที่ 3 โดยเฉลี่ยคือ 60,000 บาท ซึ่งเขียนสเป็คไว้เฉพาะเจาะจง เช่น แท็บเล็ตแบบที่ 1 สเป็คต้องมีการประมวลผล 8 core ความจำ 512 กิกกะไบค์ หน้าจอ 12-13 ต้องมีทั้ง wifi , บลูทูธและใส่ซิมได้ด้วย กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล ปากกา คีย์บอร์ด และเคส
“เขียนมา 10 บรรทัด แบบนี้เขียนไปเลยว่า iPad Pro ชัดเจนกว่า แถมเป็นสเป็คเพื่องานเขียนโปรแกรมหรืองานตัดต่อทักษะสูง งานประสานงานจำเป็นต้องใช้ขนาดนี้เลยหรือ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่ออีกว่า รายการสุดท้ายเขียนว่าแท่นแท็บเล็ต ก็คือ magic keyboard ซึ่งมีราคาแพงมากจนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า หากต้องซื้อแท็บเล็ตเพื่อความสะดวก แล้วจะซื้อแท่นจอมาเพื่ออะไร ทำไมจึงไม่ซื้อโน้ตบุ๊กราคา 25,000 บาทแทน นอกจากนี้ การเขียนงบ แบบคลุมเครือ อย่างแท็บเล็ตแบบที่ 1, 2 ,3 ทำให้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกันแน่ ไปซื้อของร้านสะดวกซื้อยังมีรายละเอียดมากกว่านี้ ซึ่งส่อทุจริตไม่โปร่งใส
“ถ้าคุณเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อเงินทุกบาททุกสตางค์ เพราะเป็นภาษีของประชาชน ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มีประชาชนกี่คนที่ได้เงินเดือนถึง 60,000 บาท แต่ทางรัฐบาลกลับจะซื้อแท็บเล็ตราคา 60,000 ให้ข้าราชการใช้เกินกว่าความจำเป็นในหน้าที่การงาน เรื่องนี้จึงไม่ถูกต้อง” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
โฆษกรัฐบาลไล่ศึกษาข้อมูลให้แม่น ซัดอย่าทำตัวเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ
ต่อมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงอีกว่า กรณีที่นายจิรัฏฐ์ เปิดเผยข้อมูลการขอจัดซื้อแท็บเล็ตประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อใช้ในราชการของ สลค.นั้น นายจิรัฏฐ์ โพสต์ข้อความด้วยความสะเพร่า เป็นถึงผู้แทนแต่แยกไม่ออกระหว่าง สลค.กับ สลน. ทำให้ข้าราชการเสียหาย และยังกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีส่วนรู้เห็นจัดซื้อ iPad ตัวท็อปให้กับข้าราชการ ตนจึงต้องออกมาชี้แจงความจริง สุดท้ายนายจิรัฏฐ์ได้ออกมาขอโทษว่าพูดชื่อหน่วยงานผิดและเขียนรายละเอียดไม่ชัดเจน ซึ่งเบามากเมื่อเทียบกับความเข้าใจผิดและความเสียหายที่เกิดไปแล้ว แต่กลับยังไม่สำนึกเที่ยวไปออกสื่ออธิบายรายละเอียดที่ตัวเองมโนขึ้น และดูถูกข้าราชการว่าทำงานแค่ประสานงานไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ดีมากก็ได้ ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ เป็นความตั้งใจที่จะเอาข้อมูลมาโจมตีข้างนอก หวังผลทางการเมือง เพราะในวันที่ประชุมอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ นายจิรัฏฐ์ไม่ได้ทักท้วงอะไร ไม่ถามอะไร ปากบอกเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ธาตุแท้เป็นแค่นักโฆษณาชวนเชื่อ
"ความจริงผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แต่ข้าราชการที่เขาตั้งใจทำงานต้องมารับเคราะห์และเสียหาย ไม่มีโอกาสพูดออกสื่อ และอยากให้ ตั้งสติ ศึกษาหาความรู้ให้แม่นยำ อย่าหุนหันพลันแล่นโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน ใช้สมองส่วนหน้าคิดอย่าใช้แต่สมองส่วนหลัง โดยการจัดซื้อแท็บเล็ตของ สลค. เป็นการซื้อทดแทนของเดิมที่ใช้งานมานานแล้ว เพื่อรองรับภารกิจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียกดูและเก็บเอกสารวาระ ครม. จำนวนมาก ลดปริมาณการใช้กระดาษที่สัปดาห์หนึ่งต้องใช้ถึง 7,650 แผ่น และรักษาความลับทางราชการที่อาจส่งผลเสียต่อประเทศได้ หรือ นายจิรัฏฐ์ต้องการให้ราชการไทยทำงานแบบเก่าและใช้เครื่องมือแบบห่วย ๆ อย่างนั้นหรือ" นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวด้วยว่า สำหรับแท็บเล็ตของ สลค. 130 เครื่อง แบ่งเป็น 3 กลุ่มโดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มที่ 1 จำนวน 80 เครื่อง ใช้สำหรับ ครม.และผู้ร่วมประชุม มีหน้าจอขนาดใหญ่เพื่ออ่านไฟล์เอกสาร และเรียกดูข้อมูลแผนที่ วีดิทัศน์ , มติ ครม.ย้อนหลังได้ และรองรับการจัดเก็บข้อมูลไม่น้อยกว่า 4 ปี
กลุ่มที่ 2 จำนวน 25 เครื่อง ใช้สำหรับบุคลากร สลค. สามารถเรียกดูระเบียบวาระการประชุม ทำงานได้ทั้งในและนอกสถานที่ และใช้สืบค้น มติ ครม. ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2475 ข้อมูลราชกิจจานุเบกษา และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ใช้ระบบ m-VARA ที่เชื่อมโยงกับระบบ iOS ที่มีความปลอดภัยสูง จึงต้องใช้เป็น iPad นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการขนย้ายไปประชุมนอกสถานที่ด้วย
กลุ่มที่ 3 จำนวน 25 เครื่อง ใช้สำหรับการประชุมภายในและการประชุมอื่นที่ สลค.เป็นฝ่ายเลขานุการ ใช้ได้ทั้ง iOS หรือ Android ลักษณะการใช้งานและสืบค้นใกล้เคียงกับกลุ่มที่ 2
นายธนกร กล่าวย้ำว่า โดยทั้งหมดรวมเป็นงบประมาณที่เสนอขอทั้งสิ้น 8,239,000 บาท ไม่ใช่ 10,000,000 บาท ตามที่นายจิรัฏฐ์ กล่าวอ้าง