ผู้เชี่ยวชาญไต้หวันออกคำเตือน ต้องมีวัคซีนรุ่นใหม่ให้ทันก่อนสิ้นปี 65 หลังข่าวโควิดโอไมครอน BA.5 ระบาดที่อังกฤษชี้เป็นสัญญาณอันตราย ชี้วัคซึนรุ่นเดิมกระตุ้นภูมิได้แค่ 3-4 เท่า ขณะยอดผู้เสียชีวิตไต้หวันแตะนิวไฮ 213 ราย ส่วนมาเลเซียเจอผู้ป่วย BA.5 แล้ว 2 ราย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่า ที่ประเทศไต้หวันนั้นมีการออกมาให้ความเห็นว่าควรจะต้องมีวัคซีนรุ่นใหม่ออกมาให้ทันก่อนจะสิ้นปีนี้เพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5
โดย พ.ญ.หวงหลี่หมิน ผู้อํานวยการโรงพยาบาลเด็กมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTU) กล่าวว่าการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวที่เริ่มจากการระบาดในสหราชอาณาจักรนั้นถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยอันน่ากังวล ซึ่ง BA.5 นั้นอาจจะทำให้เกิดอาการป่วยได้คล้ายคลึงกับโควิดสายพันธุ์อื่นๆ รวมไปถึงอาการไอและน้ำมูกไหล แต่ว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยที่ว่านี้นั้นแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆมาก
อนึ่งประเทศไต้หวันนั้นมีผู้เสียชีวิตในจำนวนสูงสุดหรือว่านิวไฮอยู่ที่ 213 รายในวันที่ 10 มิ.ย. ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้นอยู่ที่ 72,913 รายทำให้ข่าวการปรากฎขึ้นของโควิดสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่นี้นั้นเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง แม้ว่า ณ เวลานี้ในไต้หวันจะยังไม่มีโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 หรือว่า BA.5 อยู่ในประเทศก็ตาม
ทางด้านของบริษัทโมเดอร์นาและบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดรายหลักนั้นกำลังเร่งดำเนินการผลิตวัคซีนในรุ่นใหม่ๆออกมา ซึ่งคาดว่าวัคซีนนี้อาจจะเปิดให้ใช้งานต่อสาธารณะได้ก่อนช่วงสิ้นปี 2565
ส่วนวัคซีนป้องกันโควิดในรุ่นเดิมที่กำลังใช้อยู่ ณ เวลานี้นั้นพบว่าสามารถยกระดับเพื่อป้องกันสายพันธ์ได้หลากหลาย โดยสามารถป้องกันโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ได้อยู่ที่ประมาณ 8 เท่า แต่เมื่อต้องรับมือกับโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 นั้นพบว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิได้ประมาณ 3-4 เท่าเท่านั้น โดย พ.ญ.หวงกล่าวว่านี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องมีวัคซีนรุ่นใหม่ออกมา
ขณะที่ประเทศมาเลเซีย ฐัมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.5 จำนวน 2 ราย และ BA.2.12.1 จำนวน 1 ราย
โดยกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย รายงานว่าในวันที่ 10 มิ.ย. ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 1,887 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่มากกว่า 4.52 ล้านราย
เรียบเรียงจาก:https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4566231