รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง โชว์หนังสือเวียน อสส.เตือนสติขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ใช้ถนนสาธารณะประลองความเร็ว ไม่ต้องมีข้อหาเมาแล้วขับ อัยการฟ้องยึดรถได้ ระบุคนทำผิดประเภทนี้มีมากขึ้น ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2565 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง กรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือเวียนให้พนักงานอัยการ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินคดีความผิดฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8) , 160 วรรคสาม โดยให้อัยการใช้ดุลพนิจในการขอริบรถยนต์ที่กระทำความผิดดังกล่าว
นายโกศลวัฒน์ ระบุว่า รถที่รัก รถคันโปรด รถคู่ชีพ ต้องจากไป เพราะข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อหานี้ ไม่ต้องเมาอัยการก็ฟ้องให้ยึดรถได้ แข่งรถก็ใช่ อัยการแขวงใช้ข้อหานี้ฟ้องให้ยึดรถมาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730 / 2564 จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางไปตามถนนพุทธรักษา อันเป็นทางสาธารณะในขณะเมาสุราและขับรถย้อนศรสวนทิศทางการเดินรถไม่เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้อันเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นที่สัญจรไปมาบนถนน รถยนต์ของกลางจึงถือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องของอัยการโจทก์โดยตรงอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือของสำนักงานอัยการสูงสุดที่แจ้งเวียนให้พนักงานอัยการรับทราบ ระบุวันที่ 13 ส.ค.2562 มีสาระสำคัญว่า สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาเห็นว่า การใช้ถนนสาธารณะเป็นที่แข่งรถประลองความเร็ว ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นต้องได้รับความเดือดร้อนหรืออุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าว และการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำให้เกิดปัญหาการจราจรก่อให้เกิดอุบัติเหตุและยังความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการแข่งรถประลองความเร็วกัน
จึงกำหนดแนวทางการดำเนินคดีประเภทนี้โดยให้พนักงานอัยการใช้ดุลยพินิจ ขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางที่เป็นทรัพย์สินใช้ในการกระทำความผิด และให้นำมาตรการขอใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยประเทภเรียกประกันทัณฑ์บน การพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะรวมตลอดถึงการขอให้ศาลลงโทษในอัตราขั้นสูง และการขอเพิ่มโทษด้วย และเมื่อได้ดำเนินคดีประเภทดังกล่าวแล้วให้รายงานผลการดำเนินการตามแบบรายงานคดีพิเศษ ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
เนื่องจากปรากฏว่า สำนักงานอัยการบางแห่งยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการดำเนินคดีความผิดดังกล่าว ในเรื่องการมีความเห็นและคำสั่งขอริบทรัพย์ของกลางและขอให้ศาลริบของกาง ดังนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดจึงขอซักซ้อมความเข้าใจ ดังนี้
1.ปัจจุบันผู้กระทำผิดคดีประเภทนี้มีเพิ่มมากขึ้น โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำให้เกิดปัญหาการจราจร ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามการกระทำความผิดในคดีประเภทนี้เข้มงวดเป็นพิเศษ ดังนั้นการพิจารณาคดีประเภทนี้ ให้พนักงานอัยการใช้ดุลยพินิจมีความเห็นและคำสั่งขอริบทรัพย์ของกลางและขอให้ศาลริบทรัพย์ของกลางซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอย่างเคร่งครัด
กรณีที่จะมีความเห็นและคำสั่งไม่ขอริบทรัพย์ของกลางในคดีประเภทนี้จะต้องมีเหตุผล พยานหลักฐาน หลักกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือเวียนของสำนักงานอัยการสุงสุดสนับสนุนอย่างชัดแจ้งและใช้ความรอบคอบ ระมัดระวัง อย่างยิ่ง
2.กรณีมีผู้ยื่นคำร้องขอคืนรถของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ให้พนักงานอัยการปฏิบัติตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 75 และ ข้อ 76 อย่างเคร่งครัดด้วย