'โมเดอร์นา' ประกาศ ปลาย ก.ย.นี้ มีวัคซีนสำหรับโควิดโอไมครอนพร้อมแน่ หลังทดสอบเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ยันวัคซีนมีประโยชน์ในเด็กแม้ข้อมูลประสิทธิภาพจะอยู่ที่ 37-50 เปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างสหราชอาณาจักรพบป้องกันเข้า รพ.ได้ถึง 89 เปอร์เซ็นต์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าบริษัทโมเดอร์นานั้นได้มีการเปิดเผยไทม์ไลน์การจัดส่งวัคซีนบูสเตอร์สำหรับไวรัสโควิดเฉพาะสายพันธุ์ไม่กี่วันหลังจากที่ได้ขอการอนุมัติการใช้งานวัคซีนในเด็กกับทางหน่วยงานด้านองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาหรือว่าเอฟดีเอ
“เราได้ประกาศออกไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนแล้ว่าเราได้มีการทดสอบวัคซีนบูสเตอร์สำหรับไวรัสโควิดเฉพาะสายพันธุ์ ตอนนี้เรามีแคนดิเดตวัคซีนแล้ว ซึ่งในการทดสอบเราเชื่อว่าแคนดิเดตวัคซีนที่ว่านี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม” นพ.พอล เบอร์ตัน หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ของบริษัทกล่าวในรายการ Face the Nation ของช่องซีบีเอส
“เรามั่นใจว่าภายในฤดูใบไม้ร่วง (23 ก.ย.-25 ธ.ค. 2565)ปีนี้ เราจะมีจำนวนวัคซีนบูสเตอร์สำหรับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนและสายพันธุ์อื่นๆที่มากพอจะปกป้องชาวอเมริกันและผู้คนทั่วโลกได้เมื่อเราเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2565”
ส่วนทางด้านของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ก็ได้รายงานว่าทางเอฟดีเอได้กำหนดเส้นตายไว้ในเดือน มิ.ย. สำหรับบริษัทยาที่จะส่งสูตรวัคซีนเพื่อใช้รับมือกับโควิดเฉพาะสายพันธุ์ โดยมีรายงานว่าจำนวนโดสของวัคซีนแบบใหม่เพื่อใช้รับมือกับโควิดเฉพาะสายพันธุ์นั้น จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (171,922,500,000) – 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (412,614,000,000 บาท)
“ข้อมูลการศึกษานั้นสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว และสิ่งที่เราจะทำต่อไปก็คือเราจะรวบรวมและส่งข้อมูลไปยังเอฟดีเอเพื่อให้พวกเขาดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป ซึ่งเราจะส่งข้อมูลที่ว่ามานี้นั้นภายในวันที่ 9 พ.ค. แค่ว่า ณ เวลานี้ทางพวกเขาก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะเริ่มทำการตรวจสอบแล้ว” นพ.เบอร์ตันกล่าว
อนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาที่ใช้ในเด็ก ซึ่งทางบริษัทได้รับการอนุมัติจากเอฟดีเอไปก่อนหน้านี้นั้น พบว่ามีประสิทธิภาพอยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มเด็กอายุ 2-5 ปี และมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งในประเด็นเรื่องตัวเลขประสิทธิภาพที่ต่ำนั้น ทาง นพ.เบอร์ตันได้แย้งว่าเป็นเพราะว่าศักยภาพของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
นพ.เบอร์ตันยังได้ลก่าวต่อไปด้วยว่าแม้ว่าข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนจะอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ถ้าหากถ้าผู้ปกครองอนุญาตให้ลูกหลานฉีดวัคซีนแล้วก็จะลดโอกาสที่เด็กจะมีอาการของโควิดได้ถึงครึ่งหนึ่ง และถ้าหากดูข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนในสหราชอาณาจักรจะพบว่าวัคซีนนั้นมีศักยภาพป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงถึง 89-95 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ในเวลานี้สหรัฐฯได้อนุมัติให้เด็กอายุมากกว่า 5 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนได้แล้วด้วยวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทคู่แข่งของโมเดอร์นา
เรียบเรียงจาก:https://www.foxnews.com/health/moderna-release-omicron-variant-vaccine