จเรตำรวจหัวหน้าชุดกวาดล้างคนร้ายข้ามชาติแถลงผลการจับกุม 5 คดีใช้วิลล่า จ.ภูเก็ตกบดานเที่ยว เผยจับคนร้ายชาวยูเคนหนีภาษี 10 ล.เหรียญสหรัฐฯ-แก๊งแคเมอรูนหลอกหญิงไทยเปิดบัญชีม้าใช้กระทำผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 1 พ.ค.65 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ในฐานะผู้อำนวยการปฏิบัติการณ์ขับเคลื่อนนโยบายการปราบปรามเร่งกวาดล้างคนร้ายข้ามชาติและการเข้าเมืองผิดกฎหมายที่แอบใช้ประเทศไทย เป็นที่พำนักในการกระทำความผิดระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบที่ส่งผลต่อประเทศไทยโดยตรงและส่งผลไปยังประเทศอื่นหลายประเทศพร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.และคณะร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างปราบปรามและทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลักลอบกระทำความผิดในห้วงสถานการณโควิด-19 ซึ่งมีเครือข่ายสำคัญและน่าสนใจ ประกอบด้วย ดังนี้ 1.การจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวยูเครน หลังหลีกเสี่ยงชำระภาษีจ้างงานมูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าว ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง
ทั้งนี้สืบเนื่องจากทาง Homeland Security Investigations (HS) หรือหน่วยงานสอบสวนด้านความมั่นคงมาตุภูมิ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสานขอความร่วมมือให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยมีพฤติการณ์เมื่อ พ.ศ.2550 - 2564 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารกิจการบริษัทจัดหางานหลายบริษัทรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการจัดหาแรงงานนอกกฎหมายจำนวนหลายร้อยราย ให้ไปทำงานรับจ้างในกิจการงานบริการต่างๆ เช่น โรงแรม บาร์และร้านอาหาร โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ทำการหลีกเสี่ยงการชำระภาษีการจ้างงานให้แก่ภาครัฐ โดยคิดรวมมูลค่าการจ้างงานรวมเป็นเงินกว่า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,258,034,000 บาท) มูลค่าความเสียหายจากภาษีที่หลบเลี่ยงการชำระให้แก่ภาครัฐรวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 337,020,000 บาท) จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เข้ามาภายในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยว และพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเมื่อวันที่ 19 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นวิลล่าดังกล่าว พบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมรายที่ 2 เป็นการรวบขบวนการข้ามชาติ แก๊งสแกมเมอร์ผิวสี หลอกขายสินค้าบนเว็บไซด์ดัง หลอกหญิงไทยเป็นม้าเปิดบัญชีก่อนซ้อมปางตาย โดยเจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ได้ร่วมจับกุมนายเอฟ นามสมมติ สัญชาติแคมมารูนในข้อหา "เป็นบุคคลเดินทางเข้ามาและพักอาศัยในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ใด้รับอนุญาต" และนายชี นามสมมติ สัญชาติแคมมารูน ในข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง โดยสืบเนื่องจาก ศปซก.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้ถูกคนร้ายเป็นคนผิวสีไม่ทราบชื่อนามสกุลทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขู่ โดยพยายามที่จะพาไปกระทำชำเรา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายดังกล่าว คือ นายเอฟ
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนพบว่าแก็งหลอกลวงคนต่างชาติและคนไทย มักจะตีสนิทกับผู้หญิงไทยและให้ผู้หญิงไทยไปทำการเปิดบัญชี(บัญชีม้า) เพื่อเอามาใช้ในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านสายไหม จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี จากการตรวจคันพบนายเอฟ และนายซีอยู่ในบ้านพัก ซึ่งในบ้านพักจะมีห้องทำงานแยกเป็นส่วนตัว โดยจะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายทั้ง 2 มีพฤติการณ์ในการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ Alibaba โดยจะทำการปลอมเว็บไซต์ ชื่อ janjirasuanngamdeeveeralak อ้างว่าเป็นเว็บของบริษัทในการทำธุรกิจส่งสินค้าจากประเทศไทยไปต่างประเทศ และเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากคนร้ายบนแพลตฟอร์ม Alibaba แล้วคนร้ายจะให้ลูกค้าเพิ่มการติดต่อส่วนตัวในแอพพลิเคชั่่น เพื่อทำการพูดคุย โดยคนร้ายจะทำการอ้างว่าตนเป็นบริษัทส่งสินค้าจากประเทศไทย มีสินค้าหลายรายการส่งใบรับรองบริษัทและหนังสือเดินทางของคนไทยปลอม โดยคนร้ายได้ทำการตัดต่อปลอมแปลง จนลูกค้าหลงเชื่อจะทำการส่งใบนำส่งสินค้าปลอม (invoice) และประทับตราปลอมให้กับลูกค้าที่หลงเชื่อ ต่อมาทางลูกค้าได้สอบถามถึงสถานะสินค้าก็จะมีการอ้างว่าสินค้าไม่สามารถจัดส่งได้ เนื่องจากต้องจ่ายค่าประกัน ทางผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าจึงได้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้าย ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดในประเทศอิตาลีและประเทศไทยเป็นหลัก โดยบัญที่เป็นของประเทศอิตาลีจะมีเพื่อนร่วมขบวนการในการจัดการบัญชีอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลายรายความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และได้ทำการขยายผลพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมในการใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นซึ่งเป็นของเพื่อนร่วมชาติไปทำการออกเอกสารราชการต่างๆ เพื่อเอามาใช้ในการหลอกเจ้าหน้าที่หากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และนายเอฟได้รับสารภาพว่าตนคือ บุคคลที่ทำร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญผู้หญิงไทยที่ได้เข้ามาร้องเรียนจริง โดยพยายามที่จะพาผู้หญิงไทยขึ้นห้อง แต่ผู้หญิงไทยไม่ยินยอม และหลังจากพาผู้หญิงไทยขึ้นห้องแล้วก็ได้มีเจ้าหน้าที่ รปภ. มาช่วยไว้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมคนร้ายทั้งสองราย ตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี รวมกว่า 25 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ทำการติดต่อผู้เสียหายหลายรายเพื่อเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีทำร้ายร่างกายหญิงไทยในการดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.วิสนู แถลงอีกว่า การจับกุมรายที่ 3 เป็นการรวบสมาชิกแก๊งเงินดำพบพฤติกรรมเคยหลอกผู้เสียหาย สูญเงิน 20 ล้านบาท การจับกุมรายที่ 4 เป็นการจับกุมชาวต่างชาติจัดปาร์ตี้เสพเคตามีนกลางเมืองพัทยา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.65 ส่วนการจับกุมรายที่ 5.เป็นการจับกุมนักพนันชาวรัสเซียเปิดคอนโดหรูใน จ.ชลบุรี ลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา
“การกวาดล้างดังกล่าวเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ดีสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ดีก็ไม่ให้เข้ามาได้”