จนท.อุตสาหกรรม จ.ตรัง สนธิกำลัง ปทส.-กอ.รมน.ตรวจสอบปมดูดทรายเถื่อน หลัง ผู้ว่าตรังฯสั่งปูพรม พบหลายแห่งกลับมาดูดใหม่ แม้ปี 61-62 จะถูกตรวจสอบแล้ว-รับเอาผิดยาก เหตุเปิดบัญชีม้าไร้หลักฐาน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา(www.isranews.org) รายงานจากจังหวัดตรังว่า เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอห้วยยอด ชุดกอ.รมน.จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ห้วยยอด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ปทส.) ตำรวจสอบสวนกลาง นำโดยนายสำคัญ อรทัย นายอำเภอห้วยยอด นายเทอด อักษรทอง หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เข้าตรวจสอบพื้นที่การดูดทราย และพื้นที่ขุดตักดินและทรายตามแนวแม่น้ำตรัง ในพื้นที่อำเภอห้วยยอด ตามคำสั่งของนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการตังหวัดตรัง ที่สั่งให้ปูพรมตรวจสอบบ่อดูดทรายเถื่อนในทุกพื้นที่ ภายหลังมีการเสนอข่าวการลักลอบดูดทรายเถื่อนและมีการเรียกรับส่วยของเจ้าหน้าที่ ทั้งประเภทบ่อดูดทรายแม่น้ำ และบ่อดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ รวมทั้งบ่อขุดตักดินและทรายแต่แอบลักลอบดูดทราย โดยยังพบว่าในระยะ 3 ปีมานี้ หลังเคยมีการตรวจสอบและเป็นข่าวครั้งใหญ่ไปแล้วเมื่อปี 2561–2562 การลักลอบดูดทรายผิดกฎหมายได้การหวนกลับมาอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีบ่อดูดทรายเถื่อนหลายสิบบ่อตามแนวแม่น้ำตรัง บางแห่งแม้มีการขออนุญาตถูกต้อง แต่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อกฎหมาย สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติตามแนวแม่น้ำตรังอย่างมาก โดยขณะนี้ สภาองค์กรชุมชนลุ่มแม่น้ำตรัง ได้เตรียมออกมาเคลื่อนไหวถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ หลังจากก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าออกมาเรียกร้อง เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของบ่อดูดทรายเถื่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดแรก เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบ่อขุดตักดินและทราย ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เนื้อที่ 22 ไร่เศษ ของนางสำรวย มณีโชติ ซึ่งเป็นผู้ขออนุญาตใบประกอบกิจการในการขุดตักดินและทราย พบเครื่องจักรกำลังทำการขุดตักดินและทรายใส่รถบรรทุกตามที่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการในการขุดตักดินและทราย แต่จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด กลับพบว่าผู้ประกอบการมีการลักลอบดูดทรายในบริเวณใกล้เคียงด้วย โดยปรากฎหลักฐานใหม่อย่างชัดเจนที่มีการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรอุปกรณ์ในการดูดทรายหนีออกไปไม่หมด เหลือทิ้งไว้เช่น ทรายที่ดูดมากองไว้ในสภาพเปียกใหม่ กองเศษทรายที่ถูกคัดแยกตามขนาด รวมทั้งร่องรอยการติดตั้งเรือดูดทราย เมื่อตรวจละเอียดตามพื้นที่โดยรอบ พบชิ้นชวนของเรือดูดทราย ท่อดูดทราย อุปกรณ์การดูด รางลำเลียงทราย หลังคาเรือดูด ถูกแยกส่วนไว้ในสวนปาล์มน้ำมันใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าผู้ประกอบการได้เร่งขนย้ายเพื่อหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้เพียงไม่นาน แต่ในส่วนของเรือดูดที่เป็นส่วนประกอบสำคัญนั้นไม่พบ โดยแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่ามีการนำไปเก็บไว้ที่บ้านผู้นำชุมชนคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบรถแบ็คโฮจอดนิ่งอยู่ 1 คัน คาดว่าเป็นคันที่ใช้สำหรับการตักทรายที่ลักลอบดูด และยังพบการร้องเรียนเรื่องฝุ่นจากรถบรรทุก และการบรรทุกโดยไม่มีผ้าใบคลุม
“นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดสภาพคันดินตลิ่งที่เว้นไว้ระหว่างบ่อขุดและแม่น้ำไม่ถึง 25 เมตร ตามกฎหมายกำหนด และพบว่ายังมีการเปิดตลิ่งทางน้ำจากแม่น้ำเข้าไปในบ่อดินเพื่อหวังเติมทรายเข้าพื้นที่จากกระแสน้ำที่พัดพามา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งเตือนกรณีทำผิดเรื่อง พ.ร.บ โรงงาน แต่หากไม่ยอมรับผิดจะดำเนินการตามกฎหมายโรงงานต่อไป ส่วนกรณีการขุดทำลายตลิ่งได้แจ้งประสานหน่วยงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาตรังเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนายหนึ่งระบุ
@“นายอำเภอห้วยยอด” โยน หน่วยงานออกใบอนุญาตไม่เคยอัพเดทข้อมูลให้อำเภอ ไร้เข็มทิศตรวจสอบ คาดโทษท้องถิ่นปล่อยปละละเลย
ด้านนายสำคัญ อรทัย นายอำเภอห้วยยอด กล่าวว่า แม่น้ำตรังระยะทางยาวมาก ผ่าน 6 ตำบลของอำเภอห้วยยอด ได้กำชับและคาดโทษกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ หากพบการกระทำผิดประกอบการไม่มีอนุญาต หรือ เคลือบแคลงใจว่าอาจไม่มีใบอนุญาต ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบ กรณีที่มีลักลอบดูดนั้น อาจเป็นช่องว่าง เพราะการขออนุญาตขุดทรายไม่ได้ขอที่อำเภอ แต่ต้องไปขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น สำนักงานที่ดิน , สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เมื่อขอแล้วข้อมูลอาจไม่ได้อัพเดทมายังอำเภอ เบื้องต้นตอนนี้ได้ประสานกับหน่วยงานทีเกี่ยวข้องแล้ว ให้อัพเดทข้อมูลการขออนุญาตขุดทราย อายุของใบอนุญาต มายังอำเภอด้วย เพื่อใช้เฝ้าระวังตรวจสอบ
“ผมยังกำชับไปยังท้องถิ่น เพราะการขุดทรายเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่สาธารณะซึ่งท้องถิ่นต้องกำกับดูแล หากพบการลักลอบในพื้นที่ ผมได้คาดโทษกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นแล้ว ส่วนเรื่องคดีความทางตำรวจก็เข้าดูแลเรื่องการจับดำเนินคดี ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน”นายอำเภอห้วยยอดระบุ
นายเทอด อักษรทอง หัวหน้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจ.ตรัง กล่าวว่า กรณีที่มีการเรียกรับเงินนั้น เป็นช่องว่างของกฎหมาย ผู้ประกอบการบางคนที่ไม่เคยไปยื่น ไม่เคยไปขออนุญาตจริงๆ ได้รับฟังจากคำบอกเล่าจากนายหน้าว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายสูง ตนขอรับรองว่า ถ้าเป็นการอนุญาตที่ถูกต้อง มีการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐ ไม่ได้แพงอย่างที่คิด เช่น การขออนุญาตขุดตักดินและทราย มีการขอเครื่องจักรกล คือ แบ็คโฮ 1 คันขนาด 185 แรงม้า ภาษีใบอนุญาตเก็บเพียงแค่ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งสามารถประกอบกิจการได้ตลอดชีพก็ถือว่าคุ้ม และไม่ต้องไปจ่ายส่วยให้ใคร แต่ที่พบคือเมื่อได้รับใบอนุญาต กลับเข้าไปทำผิดเงื่อนไข เว้นขอบตลิ่งไม่ตรงตามกฎหมาย ถ้าเราทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย คนที่มาตรวจสอบก็ไม่สามารถจะเอาผิดได้ ผู้ประกอบการก็ไม่ต้องเลี่ยงด้วยการจ่ายส่วย แต่ที่ต้องจ่ายเพราะผู้ประกอบการเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลักมากกว่า
@ (คลิป) บุกยึดบ่อทรายเถื่อนอีกแห่ง หลักฐานทนโท่ ไร้เงาผู้กระทำความผิด เหตุรู้ข่าวก่อนผู้ว่าสั่งกวาดล้าง ทิ้งไว้แต่เรือดูด-ทรายแห้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดต่อไป ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ถึงพิกัดบ่อดูดทรายเถื่อน ซึ่งไม่มีใบอนุญาตและกระทำผิดกฎหมายทั้งหมด โดยล่าสุดพบบ่อทรายเถื่อนเพิ่มอีก 1 แห่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านบางไทร ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด ซึ่งเป็นการลักลอบดูดทรายในแม่น้ำตรัง มีการลอยเรือดูดทรายไว้กลางแม่น้ำ ต่อท่อลำเลียงทรายมาเพื่อคัดแยกและกองรอตักขายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้ในการเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์ในการลักลอบดูดทรายได้ครบทุกรายการ ทั้งกองทรายกองใหญ่ เครื่องยนต์ดูดทรายติดอยู่กับแพ ซึ่งลอยอยู่ในแม่น้ำ ท่อสำหรับดูดทราย ท่อลำเลียงทราย ตะแกรงกรองทราย ถังน้ำมัน แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด คาดว่าเป็นของผู้กว้างขวางในพื้นที่และรู้การข่าวล่วงหน้าเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดและทำบันทึกก่อนเข้าแจ้งความที่ สภ.ห้วยยอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในส่วนของกฎหมายป่าไม้ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพโดยรอบ คาดว่าเจ้าของบ่อทราย และคนงานได้ชิ่งหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึงราว 4-5 วันและไม่สามารถขนย้านของกลางได้ทัน จึงทิ้งเอาไว้
@ท่าทรายถูกกม. โอด เดือดร้อนหนัก ถูกท่าทรายเถื่อนขายตัดราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในอีกจุดที่เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ บ่อดูดทรายบัวบก ต.นาท่ามใต้ อ.เมือง จ.ตรัง พบว่าดำเนินกิจการถูกต้อง มีใบอนุญาตทำการดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ มีการนำเอกสารสำคัญการขออนุญาตมาติดประกาศไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัดง่ายต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ไม่พบปัญหาผลกระทบจากการดูด และได้ข้อมูลที่สำคัญจากฝ่ายผู้ประกอบการ โดยนายชำนาญ ลีลาโกสิทธิ์ ผู้จัดการท่าทรายบัวบก กล่าวว่า ท่าทรายของตนเนื้อที่ขออนุญาตขณะนี้รวมกว่า 70 ไร่ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งการเว้นแนวคันดินระหว่างแม่น้ำตรังกับบ่อทรายมากกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วยซ้ำ ในการขนบรรทุกจะต้องมีผ้าคลุม ไม่ทำให้ตกหล่นเรี่ยราด ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชุมชน ไม่เกิดการร้องเรียน และที่ผ่านมาไม่เคยต้องจ่ายส่วยให้กับหน่วยงานใด เพราะทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจะมีบ่อทรายเถื่อนหรือไม่นั้นพวกตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว มุ่งทำของตนเองให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
“แต่ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากราคาทรายที่ถูกทรายเถื่อนตีเป็นช่วงๆ โดยรอบนี้ถูกทรายเถื่อนตีตลาดมายาวนานนับปีแล้ว แม้จะขายให้กับลูกค้าประจำก็ตาม โดยเราขายทรายราคาหน้าบ่อคิวละ 250 บาท แต่ราคาทรายเถื่อนขายคิวละ 200 บาท เราก็ได้รับผลกระทบ อยากให้ทุกแห่งดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อจะได้แก้ปัญหาด้านราคาทรายที่สะท้อนราคาจริงด้วย”นายชำนาญกล่าว
@ เชื่อ เอาผิดยาก หาดจับซึ่งหน้าไม่ได้ ส่วยมีจริง แต่จ่ายเงินสด-เปิดบัญชีม้า ไร้หลักฐานเอาผิด ทำผิดโทษเบาแค่ปรับ
รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่แจ้งว่า ปัญหาการลักลอบดูดทรายเถื่อนแนวแม่น้ำตรังนั้นมีมานานหลาย 10 ปีแล้ว และไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ ทำได้เพียงกวดขันกวาดล้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อเรื่องซษก็จะลักลอบดูดกันอีก เพราะเป็นผลกระโยชน์มหาศาลที่ได้รับกันทุกฝ่าย ทั้งผู้ลักลอบ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผ็นำชุมชนในพื้นที่ โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างชัดเจน การจ่ายส่วนแก่เข้าหน้าที่รัฐก็ไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานให้เอาผิดได้ เพราะใช้เงินสด และจ่ายผ่านบัญชีม้าของนกต่อ และกระแสข่าวการกวาดล้างในครั้งนี้ได้รู้ถึงหูผู้ลักลอบดูดทรายเถื่อนและหลบหนีกันไปหมดแล้ว อีกทั้งที่ผ่านมาโทษสำหรับผู้กระทำความผิดส่วนใหญ่เป็นโทษปรับเป็นเงินจำนวนไม่มาก และสั่งให้แก้ไขซ่อมแซมแนวตลิ่งให้กลับสู่สภาพเดิม ผู้ลักลอบจึงคิดว่าจ่ายส่วยก็จบ จึงไม่มีใครเกรงกลัว อีกทั้งการเดินเรื่องขออนุญาตทำแบบถูกกฎหมาย บ่อยครั้งที่เจอกับเจ้าหน้าที่ดึงเรื่องเพื่อเรียกค่าผ่านทาง