สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 แถลงผลชี้มูลคดีกล่าวหาทุจริต บิ๊ก อปท.-ขรก. ภาคใต้ ครั้งที่ 3 'ด.ต.อาดล อาดำ' อดีตนายกอบต.เกาะสาหร่าย สตูล เจอ 2 คดีรวด 'ทำเอกสารจัดซื้อคัมภีร์อัลกุรอ่านย้อนหลัง- เบิกค่าเดินทางไปราชการเป็นเท็จ' ส่งเรื่องอสส. ฟ้องคดีอาญาแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 แถลงผลการชี้มูลคดีกล่าวหาทุจริตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และข้าราชการ พื้นที่ภาคใต้ ในรอบปี 2564 และปี 2565 ครั้งที่ 3 โดย ด.ต.อาดล อาดำ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ถูกชี้มูลความผิดจำนวน 2 คดี ดังนี้
1. กรณีทุจริตจัดซื้อคัมภีร์อัลกุรอ่าน
ด.ต.อาดล อาดำ ถูกชี้มูลความผิดพร้อมกับพวก รวม 9 ราย ปรากฏพฤติการณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ดำเนินการจัดซื้อคู่มือประกอบการเรียนรู้ทางศาสนาอิสลาม (คัมภีร์อัลกุรอ่าน) จำนวน ๒๐๐ เล่ม จากบริษัท พี พี โปรปริ้นท์ จำกัด จำนวนเงิน 300,000 บาท และได้นำคัมภีร์อัลกุรอ่านไปแจกจ่ายให้กับประชาชนแล้ว โดยไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกกล่วหาที่ 2 – 9 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อคัมภีร์อัลกุรอ่าน จัดทำเอกสารพร้อมทั้งลงลายมือชื่อย้อนหลังเป็นเท็จ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) และมาตรา 123/1 แห่งพรป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 192 แห่งพรป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 และมาตรา 92 แห่งพรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เห็นควรส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
ส่วนผู้ถูกกล่าหาที่ 2 – 9 จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำการอันมีมูลความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล โดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสตูล เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากการราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ข้อ 6 วรรคแรก เห็นควรส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 - 9
2. กรณีเบิกค่าเดินทางไปราชการเป็นเท็จ
ด.ต.อาดล อาดำ ถูกกล่าวหาเพียงคนเดียว ปรากฏพฤติการณ์ว่า ผู้ถูกกล่าหาได้อนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย ในการเข้าร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2555 ในระหว่างวันที่ 1 - 4 กุมภาพันธ์ 2555 ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นเท็จ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวไม่ได้เดินทางเข้าร่วมโครงการแต่อย่างใด
โดยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาสืบเนื่องมาจากการที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ออกเงินสำรองชำระเงินค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 4 ราย เป็นเงินจำนวน 25,904.25 บาท ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่มีชื่อเข้าร่วมโครงการ ณ จังหวัดเชียงใหม่เดินทางไปเก็บภาษี ณ เกาะหลีเป๊ะ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ได้
ผู้ถูกกล่าวหาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเป็นเท็จ เพื่อตนจะได้รับเงินคืน
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหา กรณีอนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายเป็นเท็จ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) และมาตรา 123/1 แห่ง พรป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 192 แห่ง พรป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 และมาตรา 92 แห่ง พรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเห็นควรส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด