ศบค.ห่วงคลัสเตอร์โรงพยาบาลยังติดเชื้อยังสูง ดลุ่มก้อนพิธีกรรมศาสนายังพบต่อเนื่อง ส่วนอัตราครองเตียงยังอยู่ในเกณฑ์รับได้ ย้ำคัดกรองตัวเอง-คนรอบข้างก่อนเดินทางสงกรานต์ แนะรีบพาผู้สูงอายุฉีดวัคซีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า สำหรับคลัสเตอร์ที่น่ากังวล คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ มีรายงานใน กทม. ทั้ง รพ.ศิริราช รพ.กรุงเทพคริสเตียน รพ.พระราม 9
ส่วนคลัสเตอร์โรงเรียน สถานประกอบการ พบน้อยลงชัดเจน ถือว่าผู้ประกอบการ ผู้จัดการโรงเรียน และประชาชนเข้าใจเรื่องมาตรการเข้มงวดในสถานศึกษา โรงงานสถานประกอบการ ทำให้เห็นคลัสเตอร์น้อยลง ขณะเดียวกัน กลุ่มที่ยังคงพบเป็นคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่องคือ พิธีกรรมทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็น มหาสารคาม งานบวช งานบุญ กาฬสินทร์
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นที่ สธ.สนใจเป็นพิเศษคืออัตราการครองเตียง จังหวัดที่ติดเชื้อ 1-10 เทียบกับอัตราครองเตียงพบว่า ยังคงพอรองรับได้ โดยทั้งประเทศ มีผู้ป่วยครองเตียงอยู่ 26.4% ถือว่ามีเตียงที่ยังสามารถรองรับผู้ป่วยระดับ 2-3 ได้อีกกว่า 70% ส่วนจังหวัดที่อัตราการครองเตียงน่าเป็นห่วงคือ สงขลา ซึ่งมีการครองเตียงอยู่ 58.40% แต่ในหลายๆ ส่วน ยังคงต่ำ เพราะส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อค่อนข้างอายุน้อยและสามารถรับการรักษาที่บ้านหรือรพ.สนามได้
พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำเสนอโครงการห้องเรียนพิเศษ ให้ความช่วยเหลือเด็กติดเชื้อไม่ให้เสียสิทธิโอกาสศึกษา การสอบ และพัฒนาการ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการสอบทั่วประเทศทั้งระดับ ม.1 และ ม.4 รวมๆ แล้วมีโรงเรียนเก็บรวบรวมข้อมูล 317 โรงเรียน ผู้สมัครสอบ ม.1 และ ม.4 มี 124,478 ราย เป็นเด็กติดเชื้อ 1,205 ราย และเสี่ยงสูงติดเชื้ออีก 1,180 ราย หากตัดสิทธิไม่ให้เข้าสอบก็จะเสียโอกาส ต้องขอบคุณ ศธ.และโรงเรียนที่จัดการสอบห้องเฉพาะ มีแพทย์ดูแลเด็กๆ ด้วย
กลุ่มมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน เมื่อวันที่ 12-15 มี.ค. มีการจัดสนามสอบทั่วประเทศสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย รวมแล้วจะมี 32 สนามสอบ เด็กที่เข้าสอบมี 389,674 คน จำนวนนี้มีเด็กติดเชื้อ 3,232 คน คิดเป็น 0.8% โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุด วันที่ 12 มี.ค. มีเด็กติดเชื้อมาร่วมสอบ 525 คน และมีประวัติเสี่ยงสูงอีก 70 คน ซึ่งขอชื่นชมการจัดการของ ศธ.และพื้นที่ทำให้เด็กไม่เสียสิทธิ
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการหารือหลักการการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ว่า กระทรวงวัฒนธรรมเน้นย้ำว่า สงกรานต์ปีนี้สามารถจัดได้ และสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ไปพบปะสังสรรค์และพบญาติผู้ใหญ่ได้ เพื่อขับเคลื่อนเดินหน้าเศรษฐกิจและดำรงวัฒนธรรมประเพณีได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยทางสาธารณสุข ห้ามการละเล่นใกล้ชิด งดสาดน้ำ ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม และไม่จำหน่ายแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ พื้นที่จัดงาน และท้องถนน
นอกจากนี้ ขอให้เตรียมหลักฐานการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK ไม่ว่าจะนั่งเครื่องบินหรือการขนส่งสาธารณะอื่นๆ และระหว่างเดินทางขอให้ระมัดระวังเพื่อนร่วมทาง แม้จะเป็นรถส่วนตัว ขอให้ตรวจสอบว่าผู้ร่วมเดินทางมีประวัติเสี่ยงหรือไม่ ต้องคัดกรองความเสี่ยงด้วยความระมัดระวัง ขณะเดียวกัน ขอให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันในพื้นที่ปิดที่ใช้ระยะเวลานานๆ สุดท้ายเพื่อป้องกันให้ผู้สูงอายุปลอดภัย ก่อนจะถึงเทศกาลสงกรานต์ขอให้ลูกหลานพาไปฉีดวัคซีน รวมถึงกลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์