‘บิ๊กตู่’ ยันยุบสภาเป็นเรื่องของนายกฯ สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนด ย้ำเมื่อไร ก็เมื่อนั้น ทำไมต้องรีบบอก โวผลงานเพียบไล่เทียบ 10 ปีที่ผ่านมาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุกับพรรคเล็กว่าจะมีการยุบสภาภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคปลายปีนี้ ว่า ก็เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตรที่พูด ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ได้เรียนกับตนแล้วภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยท่านพูดในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี การยุบสภาจะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจ ก็เก็บไว้ก่อนสิ จะบอกก่อนทำไม และทำไมต้องรีบบอก ทั้งนี้สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทั้งหมด ตนอยากให้ทุกคนคำนึงว่าวันนี้อะไรสำคัญกว่าอะไร ประเทศชาติมีปัญหาสำคัญประชาชนเดือดร้อน เรื่องนี้ควรจะสำคัญก่อนอย่างอื่นหรือไม่ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อใดที่ประเทศชาติ เข้าสู่ภาวะที่ไม่ปกติคนไทยทุกคนจะรวมพลังกัน ในการที่จะต่อสู้ เอาชนะ จนอยู่รอดปลอดภัยถึงทุกวันนี้ และวันนี้จะแปลกแยกแตกแยกกันไปถึงไหน ปัญหาอะไรที่สามารถลดลงไปได้ก็ลดลงเสียบ้าง ขอร้องกันแค่นั้นเอง ก็ผมขอได้แค่นั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก่อนจะไปถึงการจัดประชุมเอเปค ก็มีหลายการประชุมที่เกิดขึ้นก่อน ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งจะต่อเนื่องไปจนถึงเอเปค ก็ต้องดูว่าจะประชุมได้หรือไม่หรือประชุมกันอย่างไร ก็แล้วแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในรัสเซียและยูเครน
เมื่อถามถึงการนัดพรรคเล็กร่วมรับประทานอาหารในวันที่ 17 มี.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า เป็นการพูดคุย และเจอกันให้เกียรติซึ่งกันและกัน ก็พูดคุยกับเขาอยู่แล้ว เจอหลายครั้งในสภา ครั้งนี้ก็ถือว่าเจอกัน ร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อประเทศชาติกันดีกว่า อย่างอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ยืนยันไม่มีอะไรเป็นประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่รักไม่สามัคคี หรือไม่ให้เกียรติกันนั้นไม่ใช่ ตนให้เกียรติเสมอ เมื่อเจอท่านซึ่งอาวุโสน้อยกว่าก็สวัสดี หรือคนที่อายุมากกว่าตนก็สวัสดี
"ผมไม่ได้เคยคิดว่า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วมันจะสุดยอดเสียเมื่อไร คนเรามันต้องหัวใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจมันใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่หัวใจเล็ก หัวใจที่มันต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกันให้อภัยซึ่งกันและกัน คนที่ควรให้อภัย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องเสียงโหวตในสภาจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็แล้วแต่เสียงในสภา ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าทำไปแล้วประเทศชาติจะดีขึ้น ก็แล้วแต่ท่าน ทั้งนี้ตนก็พูดคุยกับแกนนำรัฐบาลที่มาจากพรรคร่วมทุกวัน นอกจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนก็ติดต่อกับท่านทุกวัน ส่งไลน์คุยกัน เรื่องโน้นเรื่องนี้รับไปดูแลได้หรือไม่ ตนไม่ใช่นั่งเจออาทิตย์ละครั้ง ก็เจอกันทุกวันทุกกระทรวง มีเรื่องอะไรก็ให้ช่วยทำ อะไรที่ตนสามารถแนะนำได้ ก็จะบอกให้กระทรวงนั้นทำอะไร และกระทรวงนี้ไปทำอย่างนี้ต่อได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องทำงานและบริหารแบบนี้
เมื่อถามว่าจะต้องมีการปรับทัพอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีการปรับอะไรทั้งนั้น
ส่วนการพูดคุยระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับพรรคเล็กเมื่อวานนี้ ถามว่าจะมีแผนล้มนายกรัฐมนตรีอะไรอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ให้มาล้มเถอะไป ใครจะล้มก็ล้มไปเถอะ ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอ ผมให้เกียรติท่านทุกคน มันจะเกิดประโยชน์อะไรกับใครผมถามหน่อยสิ วันนี้ผมทำงานมาเท่าไหร่ อะไรมันสำเร็จมาบ้าง ไปเทียบดูก็ได้ ไปเทียบมาสิ 10 ปีที่ผ่านมา หรือ 8 ปีที่ผ่านมา ก็เทียบผลงานมากับผมเลย ประชาชนไปแยกแยะเอาเองก็แล้วกัน”
ช่วงสุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.อ.ประวิตรออกมาระบุเรื่องการยุบสภา จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มี