ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ ที่ดิน 19 แปลง เงินฝาก 6 บัญชี 1 สลากออมสิน รวม 26 รายการ มูลค่า 11.2 ล. จนท.ที่ดิน กับพวก คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ หลังดีเอสไอชงเรื่องปี 2559 รับไม้จาก ป.ป.ช.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีคำสั่งคณะกรรมการธุรรมที่ ย.20/2565 วันที่ 11 มกราคา 2565 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว ราย นายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ และนายชัยยุทธ แซ่ลิ่ม กับพวก ซึ่งเป็นกรณี มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา ในคดีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ” ตําบลศิลา อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นทรัพย์สิน จํานวน 26 รายการ ได้แก่ ที่ดิน 19 แปลงใน อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ราคาประเมิน 8,489,150 บาท ในชื่อนายสมควร เพิ่มกสิวิทย์ 3 แปลง นายสุทัศน์ จันทร์นุช 16 แปลง และ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อ นายสุทัศน์ จันทร์นุช นายชัยชาญ คำยง และ นายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ รวม 7 บัญชี เป็นเงิน 2,809,561.31 บาท รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทั้งสิ้น 26 รายการมูลค่า 11,298,711.31 บาท (ดูเอกสาร)
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในเอกสารคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินระบุว่า สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับเรื่องดังกล่าวจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหนังสือที่ ยธ 0806/1258 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ซึ่งกรมสอบสวนได้รับรายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาอีกทอดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2554 มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหนังสือที่ ยธ 0806/1258 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 เรื่อง รายงาน การกระทําความผิดมูลฐาน รายนายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ และนายชัยยุทธ แซ่ลิ่ม กับพวก ซึ่งเป็นกรณี มีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับหนังสือจากสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ปช 0014/1444 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2554 แจ้งให้ดําเนินการตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ต่อมา คณะกรรมการคดีพิเศษ (กกพ.) ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กกพ.) ครั้งที่ 6/2554 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 มีมติรับกรณีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าภูเปื่อย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ” ตําบลศิลา อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ไว้ดําเนินการเป็นคดีพิเศษที่ 11/2555 ลงวันที่ 19 มกราคม 2555 โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก รวม 5 คน ในความผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 59 และมาตรา 83 และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายสมควร เพิ่มกสิวิทย์ เนื่องจากถึงแก่ความตาย อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคําสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 236/2563 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รายนายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก และคําสั่งเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 698/2563 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด (เพิ่มเติม) รายนายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดําเนินการตรวจสอบรายงานการทํา ธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้วปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทําอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่ง เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทําธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รวมทั้งจากการรวบรวม พยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด จํานวน 26 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยผู้มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อาจดําเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทางทะเบียนได้ และสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารและสลากออมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดและอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรม ในการประชุมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงาน ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคําสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว จํานวน 26 รายการ พร้อมดอกผล กล่าวคือ มีคําสั่งให้ยึดทรัพย์สิน จํานวน 19 รายการ ได้แก่ รายการที่ 1 ถึงรายการที่ 19 และมีคําสั่งให้อายัดทรัพย์สิน จํานวน 7 รายการ ได้แก่ รายการที่ 20 ถึงรายการที่ 26 มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดและอายัดปรากฏตามบัญชี ทรัพย์สินแนบท้ายคําสั่งนี้
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า นายวิปกรณ์ ภิรมย์สุทธิพงศ์ เป็นอดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และเรื่องนี้ออกจากสารบบการทำงานของดีเอสไอไปแล้ว