'อนุทิน' ย้ำไม่ปลดโควิด-19 พ้น UCEP แต่ปรับวิธีจัดการ แจงไทยมีผู้ป่วยโรคอื่นที่ต้องใช้บริการแพทย์ฉุกเฉินด้วย ยันถ้าติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง ให้เข้ารักษาที่ไหนก็ได้เหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ตอบคำถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ระบุว่า ปัจจุบันนี้ ระบบการเฝ้ารัง ให้ความสำคัญกับทุกสายพันธุ์อยู่แล้ว
ส่วนการระบาดตอนนี้ ขอให้ยึดหลัก Universal Prevention ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ ยังเป็นกรุงเทพมหานคร และเป็นการติดเชื้อในครอบครัว ได้รับเชื้อโอไมครอนที่มีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อตัวก่อน การฉีดวัคซีน ช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้
ปัจจุบันนี้ เร่งให้บริการเข็มบูสเตอร์ ส่วนผู้สูงอายุ ที่ยังไม่เข้ารับบริการ ขอให้ลูกหลานพามาฉีด โดยด่วน ปัจจุบัน เด็กนักเรียน กำลังทยอยได้รับวัคซีน เราต้องการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย จากข้อมูล ผู้ติดเชื้อกว่า 85% ไม่แสดงอาการ ขณะที่ผู้เสียชีวิตกว่า 90% คือ ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง
ดังนั้น วัคซีน จึงมีความสำคัญมากในการควบคุมโรค วัคซีนที่นำมาบริการพี่น้องประชาชน ล้วนผ่านการตรวจสอบ รับรองเรื่องประสิทธิภาพ และความปอดภัยแล้ว ไทยมีวัคซีนให้บริการในทุกตระกูล ถ้าไม่ดี ก็ไม่มีทางที่ อย.จะอนุมัติขึ้นทะเบียน เรื่องวัคซีนขอให้ฟังกระทรวงสาธารณสุข เพราะพิจารณาจากข้อมูลของอาจารย์แพทย์ มีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญดูแล อ้างอิงวิชาการก่อนตัดสินใจ
เมื่อถามถึงความกังวลจากข่าวว่าจะมีการปลดโควิด-19 ออกจากสิทธิ์บริการ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) หรือ การให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลที่ไหนก็ได้ใกล้บ้าน นายอนุทิน ตอบว่า ไม่ได้ยกเลิก หรือให้โควิด-19 ออกจาก UCEP แต่เป็นการปรับปรุง จัดระบบ ปรับวิธีการให้สัมพันธ์กับโรค ให้สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วย คือ เราอยู่กับโรคมา 2 ปีกว่า ประเทศไทยไม่ได้มีผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเดียว แต่มีผู้ป่วยโรคอื่นด้วยที่ต้องใช้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเหมือนกัน ถ้าบอกว่าป่วยโควิด-19 มา สามารถแซงคิวโรคอื่นได้ แบบนี้ ระบบสาธารณสุขล่ม ต้องทำความเข้าใจกันว่า ถ้าป่วยโควิด-19 แล้วมีอาการรุนแรง ให้เข้ารักษาที่ไหนก็ได้เหมือนเดิม