พาณิชย์สงขลาคลายปมกักตุนเนื้อหมูในโรงงานแช่แข็งแห่งหนึ่ง แจงผลสอบสวน ‘เบทาโกร’ ไม่เข้าข่ายกักตุน พร้อมแจ้งคำเนินคดีห้องเย็น ‘ปิติซีฟู้ด’ ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการครอบครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย พลตำรวจตรี อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นางสาวฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา นายณัฐชัย วรสุทธิ์ ด่านกักกันสัตว์สงขลา และนายสัตวแพทย์กิติกรณ์ เจนไพบูลย์ ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา ร่วมแถลงข่าวข้อยุติปัญหาเนื้อสุกรในโรงงานแช่แข็งพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา หลังเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาได้เข้าตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามีเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกรถูกเก็บรักษาอยู่ภายในห้องเย็นของ บริษัท ปิติซีฟูดส์ จำนวน 201,650 กิโลกรัม
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด พบว่าทางบริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ในฐานะบริษัทผู้รับฝากสินค้า มีความผิดในฐานไม่ได้แจ้งปริมาณการครอบครองตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 ทางสำนักงานพาณิชย์สงขลา จึงได้เป็นตัวแทนของจังหวัดสงขลา ในการเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอจะนะ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งปริมาณในครอบครอง
ส่วนบริษัท เบทาโกร โรงงานแปรรูปสุกรพัทลุง มีการแจ้งปริมาณไม่ตรงกับปริมาณสต๊อกที่เก็บอยู่ในห้องเย็นของ บริษัท ปิติซีฟูดส์ ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น ทางเบทาโกรได้แจ้งปริมาณในครอบครองตามประกาศฉบับที่ 2 โดยมีปริมาณ 50,000 กิโลกรัมเศษ แต่จากการตรวจสอบที่ปิติซีฟูดส์ พบว่ามีเนื้อสุกรสต๊อกอยู่ประมาณ 200,000 กว่ากิโลกรัม ที่เบทาโกรไปฝากไว้ ทำให้มีส่วนต่างอยู่ประมาณ 150,000 กว่ากิโลกรัม ซึ่งเป็นรายการที่ไม่มีอยู่ในแบบแจ้ง อย่างเช่น หมูบด ขาหมูเผา ซี่โครง สามชั้นแผ่น ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเบทาโกรแจ้งความเท็จต่อพนักงานและถือว่าไม่มีความผิด
นอกจากนี้ บริษัท เบทาโกร และบริษัท ปิติซีฟูดส์ ได้จัดทำบัญชีคุมถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 โดยที่ทั้งสองบริษัทได้เอาเอกสารหลักฐานข้อมูลต่างๆ มายื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลาตรวจสอบ ซึ่งปรากฏว่าทั้งสองบริษัทได้ทำบัญชีคุมถูกต้อง
ส่วนประเด็นการเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบบัญชีของทั้งสองบริษัทพบว่ามีการทำบัญชีรับเข้ามาและจ่ายออกไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 2564 จนถึงเดือน ม.ค. 2565 เป็นปกติ ซึ่งถือว่าไม่เข้าข่ายการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด และขั้นตอนของการดำเนินคดีนั้นถือว่าไม่มีความซับซ้อน ซึ่งจะดำเนินความผิดตามพยานหลักฐานและบันทึกถ้อยคำต่อไป
นายเจษฎา กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยังอำเภอทุกอำเภอ ให้บรูณาการความร่วมมือเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงงานแช่แข็งทุกโรงงาน เพื่อป้องกันการกระทำความผิด และจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการกักตุนเนื้อสุกรแต่อย่างใด
'เบทาโกร'ออกหนังสือแจงปมกักตุนเนื้อหมู
ขณะเดียวกัน บริษัท เบทาโกร จำกัด ได้ออกหนังสือชี้แจงเรื่องการตรวจสอบห้องเบ็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา ผ่านเฟซบุ๊ก Betago Group ระบุว่า จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัม ในห้องเย็นดังกล่าวนั้น
วันนี้บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป”
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯพร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง
โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วนในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้แก่ประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ
เครือเบทาโกรยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูปที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน