'สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง' แถลงมติ 16 เสียง ถอดถอน 'สืบพงษ์ ปราบใหญ่'พ้นอธิการบดี ชี้จงใจเลื่อนประชุม ปมหารือ อว.ไม่ปรึกษาสภาฯ เผยเพิ่งทราบข้อร้องเรียนรับโอนที่ 'สุพจน์ ทรัพย์ล้อม' แต่ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว คืบหน้าไปพอสมควร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีการจัดงานแถลงข่าวในประเด็นเรื่องการถอดถอนนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีปรากฎเป็นข่าวหลายสำนักว่า ในการประชุม สภามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา มีมติถอดถอนนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่ง และมีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นรักษาการอธิการบดีแทนคือนางสุวรรณี เดชวรชัย คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งนายสืบพงษ์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดี เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา
ผู้แถลงข่าว คือ นายสมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย นายพันธ์เทพ วิทิตอนันต์ ประธานสภาคณาจารย์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย และนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวมีการแจกเอกสารประกอบการแถลงข่าวมีรายละเอียด ดังนี้
สภามหาวิทยาลัยรามคําแหงได้มีการประชุม เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 โดยเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 13.30 น. และมีกรรมการสภามหาวิทยาลัย รามคําแหง เข้าร่วมประชุม ทั้งสิ้น 22 คน ที่ประชุมได้สอบถามผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ในฐานะอธิการบดีเกี่ยวกับปัญหาการ บริหารงานมหาวิทยาลัย 4 ประเด็น คือ
1. การฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคําแหง พ.ศ. 2541
2. เรื่องการหารือกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เกี่ยวกับ เอกสารที่ได้จัดส่งไปให้ อว. โดยที่ไม่ได้มีการปรึกษากับสภามหาวิทยาลัยก่อน
3.การแต่งตั้งอาจารย์ที่กําลังอยู่ในระหว่างการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการคัดลอกผลงาน ของผู้อื่นมาเป็นของตนให้เป็นผู้บริหาร
4.เรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยรามคําแหง
ที่ประชุมเห็นว่านายสืบพงษ์เคยดํารงตําแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคําแหง มาถึง 2 วาระด้วยกันก่อนที่จะดํารงตําแหน่งอธิการบดี ดังนั้น กรณีที่นายสืบพงษ์ได้อ้างว่าตัวไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคําแหงว่าด้วยการประชุมสภามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2541 จึงฟังไม่ ขึ้น การที่นายสืบพงษ์ไม่เรียกประชุมสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้มีการเลือกอุปนายกสภามหาวิทยาลัยตามที่กรรมการสภามหาวิทยาลัย 8 คนเข้าชื่อกันให้เรียก ประชุมสภามหาวิทยาลัยจึงเป็นการกระทําที่ขัดต่อข้อบังคับสภามหาวิทยาลัยฯ
นอกจากนั้น การที่นายสมบูรณ์ สุขสําราญ ผู้ทําหน้าที่ประธานการประชุมสภามหาวิทยาลัยครั้งที่ 13 ซึ่ง ทําหน้าที่แทนนายสงวน ติยะไพบูลย์สิน อุปนายกสภามหาวิทยาลัยในขณะนั้น ซึ่งได้ลาประชุม เนื่องจากป่วยเข้ารับการตรวจรักษาพยาบาลจากแพทย์ ได้เรียกประชุมครั้งที่ 14 ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ปรากฏว่า นายธีรนิต์ เทพสุเมธานนท์ เลขานุการสภามหาวิทยาลัย ได้มีหนังสือ ถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยกล่าวอ้างว่าได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยให้เลื่อนการประชุม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอํานาจในการเลื่อนการประชุมแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายสืบพงษ์และผู้บริหารมหาวิทยาลัยอีก 4 รายก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยได้พิจารณาแล้วเห็นพ้องต้องกันว่า การที่ฝ่ายบริหารพยายาม เลื่อนการประชุมสภามหาวิทยาลัยและไม่เข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยทั้ง ๆ สภามหาวิทยาลัย ต้องการแก้ไขปัญหาที่ได้เกิดขึ้นและสร้างความเสียหายให้กับมหาวิทยาลัย มิให้ลุกลามบานปลายแต่ไป แต่นายสืบพงษ์ กลับไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา โดยอ้างเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่าต้องการรอคําตอบเกี่ยวกับการหารือกับทาง อว. เกี่ยวกับองค์ประกอบ สภามหาวิทยาลัย
เนื่องจากผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีเคยดํารงตําแหน่ง กรรมการสภามหาวิทยาลัยถึง 2 วาระ ย่อมตระหนักดีว่าสภามหาวิทยาลัยรามคําแหงไม่มีปัญหา เกี่ยวกับองค์ประกอบที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากในสมัยที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบ ใหญ่ เคยเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยก็เคยมีเหตุการณ์ที่ไม่มีนายกสภามหาวิทยาลัยถึง 2 ครั้ง ด้วยกัน นอกจากนั้น การขอเลื่อนการ ประชุมสภามหาวิทยาลัยโดยไม่มีกําหนดว่าจะประชุมเมื่อไหร่ จะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่องานราชการของมหาวิทยาลัยทุกด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภามหาวิทยาลัยรามคําแหงจึงมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนน เสียง 16 เสียง คะแนนเสียงคัดค้านที่ไม่ให้ถอดถอน 0 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง
ส่วนกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่านายสืบพงษ์ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการรับโอน ที่ดิน 2 แปลงที่สัมพันธ์กับคดีร่ำรวยผิดปกติก่อนที่จะลงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีนั้น ทางสภามหาวิทยาลัยได้รับร้องเรียนในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 สภามหาวิทยาลัยจะดําเนินการ สอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป ซึ่งในขณะนี้ได้มีความ คืบหน้าในการรวบรวมข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไปมากพอสมควรแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ถามย้ำว่า กรณีที่นายสืบพงษ์เข้าสมัครชิงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับทราบในรายละเอียดของผู้สมัครหรือไม่ ว่านายสืบพงษ์มีข้อครหาเกี่ยวกับการรับโอนที่ดินจำนวน 2 แปลงดังกล่าวจากทางนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นพ่อตา
นายสมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย ชี้แจงเพียงสั้น ๆ ว่า นายสืบพงษ์ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดตรงนี้เอาไว้
อ่านประกอบ: