ป.ป.ช.ตรัง เร่งสอบ หลังพบชาวบ้านแจ้งพบถนนลงทุน 2.1 ล้านบาท ระยะทาง 370 เมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยสวนปาล์มน้ำมัน ไร้บ้านเรือนประชาชนแม้แต่หลังเดียว แถมยังไร้ทางไปต่อ มุ่งลงคลอง ทั้งที่มีป้ายบอกทางสามารถเชื่อมไปอีกตำบลได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ 3 ธ.ค.64 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริต ชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง เครือข่ายภาคประชาชน และสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยปรากฏข้อมูลบนป้าย ก่อสร้างโดย อบจ.ตรัง เชื่อมต่อกันระหว่างสายทุ่งชน-คลองลำชาญ หมู่ 5 บ้านหนองเตย ต.ย่านตาขาว และ ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว ขนาดความกว้าง 6 เมตร ระยะทาง 370 เมตร ปีงบประมาณ 2562 ค่าก่อสร้าง 2,100,000 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสม โดยมี หจก.จรูญศักดิ์ก่อสร้าง 2016 และมี น.ส.เรวดี รองเดช เป็นผู้ควบคุม และระยะเวลาสิ้นสุดการรับประกัน เมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อสร้างในสมัย นายกิจ หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง ในสมัยนั้น
จากการตรวจสอบตลอดสองฟากฝั่งถนนระยะทาง 370 เมตร เป็นสวนปาล์มน้ำมัน อายุประมาณ 3-4 ปี โดยที่ไม่ปรากฏว่ามีบ้านเรือนประชาชนอยู่แม้แต่หลังเดียว ซึ่งสุดทางได้ถูกปิดกั้นด้วยแผงเหล็ก พร้อมติดตั้งป้ายหยุดไว้ ซึ่งทางที่สิ้นสุดถนนกลับอยู่ติดกับคลองลำชาญโดยที่ไม่สามารถเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ใดได้ ทั้งที่มีป้ายบอกทางระบุไว้บริเวณปากซอยชัดเจนว่าเป็นเส้นทางที่จะมุ่งไปยัง บ้านพรุยนต์ –บ้านหนักแบก ในพื้นที่ ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จนสร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านจำนวนมาก
นายยุทธนา วิมลเมือง กล่าวว่า ประชาชนให้ข้อมูลมา และเกิดการเคลือบแคลงสงสัย และเกิดการไม่ไว้วางใจ ในการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานของรัฐ ว่าทำไมถึงมีการจัดทำถนนขึ้นมา แต่ปรากฏว่าไม่สามารถออกสู่ทางสาธารณอื่นได้ ซึ่งจากการสังเกตเบื้องต้นถนนเส้นนี้ได้ผ่านมาทางสวนปาล์มน้ำมัน แล้วมาจรดที่ลำคลอง เบื้องต้นก็ยังไม่ปรากฏเรื่องของการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ แต่มีข้อสังเกตว่าพื้นที่ดังกล่าว ที่มีการจัดทำงบประมาณลงมา เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าของที่ดินอย่างไรบ้าง หรือมีนักการเมืองเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดินดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า ซึ่งจากการดูทางกายภาพไม่ปรากฏว่ามีบ้านเรือน หรือที่อยู่อาศัยของใคร หรือประชาชนที่จะสัญจรแม้แต่อย่างใด โดยเป็นสวนปาล์มน้ำมันของเอกชนโดยแท้ เบื้องต้นก็จะต้องประสานไปยังสำนักงาน สตง. จ.ตรัง ด้วยอีกทางหนึ่ง ว่าในการก่อสร้างดังกล่าว เป็นไปตามวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ประโยชน์ ประหยัด คุ้มค่า ในการใช้งบประมาณหรือไม่ ส่วนทาง ป.ป.ช.เองก็จะประสานสำนักงานที่ดินว่าพื้นที่ดังกล่าวใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นการเอื้อประโยชน์ หรือมีใครเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไร
นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ กล่าวว่า จากการเก็บรวบรวมข้อมูล ในพื้นที่ จ.ตรัง มีสิ่งก่อสร้างของภาครัฐ ที่สร้างแล้วใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หรือไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยเป็นจำนวนมาก หากประเมินเป็นมูลค่าก็หลายพันล้านอยู่ ซึ่งสร้างมาจากงบประมาณหรือภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ที่นำมาใช้แต่ใช้ไม่คุ้มค่า และไม่ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเลย เช่นตัวอย่างถนนเส้นนี้ เมื่อปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่ามีการก่อสร้างถนนไปในนา จ.ยโสธร ก็ทำให้ชาวบ้านส่งข้อมูลมาให้ เมื่อมาดูถนนไม่มีบ้านเรือน ไม่มีทางเชื่อมโยง หากผู้ว่าผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันซึ่งมีไม่กี่ราย แต่ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน ถ้าคิดแล้วประโยชน์ไม่คุ้มค่า
อย่างไรก็ตามทาง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จ.ตรัง ได้ติดต่อไปยังสำนักงานที่ดิน จ.ตรัง สาขาย่านตาขาว เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ดินดังกล่าว ปรากฏเอกสารว่าถูกแบ่งเป็น 3 แปลง ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด โดยมี นางจันทร์ฉาย (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่