‘ศาลปกครองกลาง’ สั่ง ‘กรมที่ดิน’ จ่ายค่าจ้าง ‘สามารถคอมเทค’ 520 ล้าน พร้อมคืนหนังสือค้ำประกัน หลังพบเอกชนปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ‘นำเข้าข้อมูลที่ดินพร้อมติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์’ หลังเจอเงื่อนไขส่งมอบงานสุดเข้ม ‘ปลั๊กหลวม’ โดนปรับ
...........................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1520/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 1840/2564 ลงวันที่ 10 พ.ย.2564 ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่าง บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) และกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการว่าจ้างนำเข้าข้อมูลที่ดินพร้อมติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 ระบบ ตามโครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ กรมที่ดิน (ระยะที่ 1) ตามสัญญาจ้างเลขที่ สจ 45/2556 ลงวันที่ 27 ก.ย.2556 วงเงินค่าจ้างรวม 1,165.5 ล้านบาท
โดย ศาลฯพิพากษาให้ กรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ชำระเงินให้กับ บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) เป็นจำนวนเงินรวม 520.57 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ของเงินต้น 511.50 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย.2564 เนื่องจากบริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ได้ส่งมอบงานให้กรมที่ดินตามเงื่อนไขสัญญา พร้อมทั้งให้กรมที่ดินชดใช้ค่าธรรมเนียมธนาคารในอัตรา 1.25% ต่อปีของวงเงินหนังสือค้ำประกันจำนวน 116.55 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะคืนหนังสือค้ำประกัน ทั้งนี้ ให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
สำหรับคดีนี้ กรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ได้ว่าจ้าง บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ให้นำเข้าข้อมูลที่ดินพร้อมติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 ระบบ ตามโครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ กรมที่ดิน (ระยะที่ 1) ตามสัญญาจ้างเลขที่ สจ 45/2556 ลงวันที่ 27 ก.ย.2556 วงเงินค่าจ้างรวม 1,165.5 ล้านบาท แต่หลังจาก บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ได้ส่งมอบงานนำเข้ารูปแปลงที่ดินและข้อมูลภาพลักษณ์เอกสารสิทธิที่ดิน งวดที่ 1-4 (สัญญากำหนดให้ส่งงาน 4 งวด) และงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ งวดที่ 1-4 (สัญญากำหนดให้ส่งงาน 5 งวด) ให้กรมที่ดินแล้ว
แต่ปรากฎว่ากรมที่ดิน ไม่จ่ายค่าจ้างให้กับ บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ตามสัญญา โดยอ้างว่าบริษัทฯ ส่งมอบงานล่าช้า หรือส่งมอบงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้ กรมที่ดินยังหักค่าปรับและยึดเงินประกันผลงานของบริษัทฯด้วย
อย่างไรก็ตาม ต่อมา บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลฯสั่งให้กรมที่ดิน ชำระค่าจ้างคงค้าง ดอกเบี้ยผิดนัด และค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ เป็นเงิน 651.69 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และให้ชดใช้ค่าธรรมเนียมหนังสือค้ำประกันธนาคารฯนับแต่วันฟ้องปีละ 2.79 ล้านบาท จนกว่าจะคืนหนังสือ
ทั้งนี้ ในการพิจารณาคดี ศาลฯพิเคราะห์ข้อเท็จจริง กรณีการส่งมอบงานนำเข้ารูปแปลงที่ดินและข้อมูลภาพลักษณ์เอกสารสิทธิที่ดิน ในงวดที่ 1 2 3 และ 4 และเห็นว่าการดำเนินงานของ บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุมีมติเห็นควรรับมอบงานตามสัญญาได้ ส่วนปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบงานนั้น ปัญหาและอุปสรรคส่วนหนึ่งเกิดจากกรมที่ดิน เพราะไม่สามารถส่งมอบข้อมูลที่สมบูรณ์ครบถ้วนให้บริษัทฯ ขณะที่ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งทำให้บริษัทฯส่งมอบงานได้ล่าช้านั้น เห็นว่า ไม่ใช่ความบกพร่องของบริษัทฯ
สำหรับกรณีการส่งมอบงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ในงวดที่ 4 ศาลฯเห็นว่า บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ไม่ได้ประพฤติผิดสัญญา และได้มีการส่งมอบงานถูกต้องตามเงื่อนไขสัญญา คือ ส่งมอบงานเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2557 แต่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุฯตรวจรับมอบงานไว้เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2558 ความล่าช้าในการตรวจรับงาน จึงไม่ได้เกิดจากความผิดของบริษัทฯ ดังนั้น กรมที่ดินจึงมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่างานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ งวดที่ 4 ให้บริษัทฯ เป็นเงิน 163.17 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า จากคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ปรากฏข้อมูลในส่วนของการบรรยายฟ้องว่า ในส่วนงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ฯ งวดที่ 1 นั้น กรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ระบุว่า บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ส่งมอบอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบภายนอก ‘ไม่เป็นไปตามลักษณะ’ ที่กรมที่ดินเสนอไว้ในสัญญาแนบท้าย ทำให้กรมที่ดินมีสิทธิที่จะไม่รับมอบงานหรือสั่งการให้บริษัทฯ ทำการแก้ไขและส่งมอบอุปกรณ์ให้เป็นไปตามที่ระบุในสัญญาได้ รวมทั้งบริษัทฯส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวล่าช้า
อีกทั้งในการส่งมอบเครื่องสำรองไฟฟ้าให้สำนักงานที่ดินนั้น ปรากฏว่าช่องเสียบสายไฟฟ้า (AC) Output ของเครื่องสำรองไฟฟ้ามีการเชื่อมต่อไม่แน่น มีโอกาสหลุดง่าย ซึ่งถือว่าเป็นสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน กรมที่ดินในฐานะผู้ว่าจ้าง จึงมีสิทธิเรียกค่าปรับจาก บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ต่อมา กรมที่ดินได้หักค่าปรับงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ฯ งวดที่ 1 เป็นจำนวน 559,440 บาท และหักค่าประกันผลงานอีก 10% หรือ 9.32 ล้านบาท ทำให้ค่าจ้างฯในงวดที่ 1 ลดเหลือ 83.35 ล้านบาท จากค่าจ้างตามสัญญา 93.2 ล้านบาท
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/