บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยเบื้องหลังการร่วมมือบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตวัคซีนโควิด ยันปลอดภัย มีคุณภาพมาตรฐานสากล ผ่านการตรวจสอบเข้มจากหลายหน่วยงาน พร้อมเผยการพัฒนาวัคซีนรุ่นสอง อยู่ขั้นการทดสอบเฟส 2 และ 3 คาดเห็นผลปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2564 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน FROM LAB TO JAB ผ่านโปรแกรม Zoom เพื่อเสวนาในประเด็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนให้กับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ตลอดจนกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
โดย นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าเราจะสามารถผลิตวัคซีนได้จำนวนมากและส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก กว่า 15 เดือนที่ผ่านมาเราสามารถส่งมอบวัคซีนไปกว่า 2,000 ล้านโดส สู่ 170 ประเทศ สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้กว่า 50 ล้านเคส ไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้กว่า 5 ล้านครั้ง และลดอัตราการเสียชีวิตได้กว่า 1,000 เคส เพื่อการพัฒนาและกระจายวัคซีนอย่างครอบคลุมได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกกว่า 25 แห่ง ซึ่งมีบริษัท สนามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ของประเทศไทย เป็น 1 ในพันธมิตร ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งตัววัคซีนที่ผลิตออกมาได้รับการรับรองทั้งจากในสหรัฐอเมริกาและไทย นับว่าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะไม่เพียงแต่สามารถผลิตวัคซีนใช้ในประเทศแต่ยังสามารถรับรองการผลิตและกระจายวัคซีนไปได้ทั่วภูมิภาคเอเชีย
ดังนั้นขอให้มั่นใจในบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ และให้คำมั่นว่าเราจะส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยจนจบ 61 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งใกล้จะบรรลุตามเป้าหมายแล้ว นอกจากนี้บริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ จะยังทำงานร่วมกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ และจะส่งวัคซีนทั้งหมดตามตกลงภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2565
สำหรับการพัฒนาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AZD2816) รุ่นที่ 2 ที่ดัดแปลงให้มีความจำเพาะต่อสายพันธุ์เบต้า (สายพันธุ์แอฟริกาใต้) ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3 คาดเห็นผลการพัฒนาปลายปีนี้ แต่ย้ำว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ารุ่นแรก (AZD1232) ที่เรากำลังใช้อยู่นั้น ถือว่ามีประสิทธิภาพต่อการลดความรุนแรงโรคโควิดสายพันธุ์น่ากังวลต่างๆ ได้ 80-90% จึงขอให้มั่นใจในประสิทธิภาพที่จะสามารถการควบคุมการระบาดของโควิดในปัจจุบันได้
ด้าน ชีนา เบน รองประธานฝ่าย Supply Chain วัคซีน และผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอีกว่า นอกจากความร่วมมือกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่ทำให้สามารถผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้จำนวนมาก ส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก แล้วนั้น ทุกๆ ล็อตการผลิตวัคซีนยังผ่านกระบวนการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มข้น ซึ่งใช้มาตรฐานเดียวกันทุกโรงงานการผลิตทั่วโลก โดยต้องทดสอบถึง 60 รายการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัคซีนจะได้รับมาตรฐานเท่าเทียมกันในทุกล็อตการผลิต
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด
ขณะที่ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซนเอนซ์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท สยามไบไซเอนซ์ เป็นบริษัทที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ใช้เทคโนโลยีในการผลิตใกล้เคียงกับการผลิตยาชีววัตถุจากเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์มีประสบการณ์ในการผลิตยาชีววัตถุด้วยเทคโนโลยีนี้ และมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและส่งออก อาทิ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวายเรื้อรัง และยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
โรงงานของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล มีศักยภาพสามารถรองรับการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้ทุกขั้นตอน และเป็นโรงงานขนาดใหญ่ สามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ในอนาคต บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จึงได้รับเลือกจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนโควิดสำหรับประเทศไทย และอีก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ก่อตั้งเมื่อปี 2552 ตามพระราชณิธานในพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย หวังลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ และพระราชปณิธานนี้ได้ถูกสืบสานและต่อยอดต่อมา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเรามีคติว่า เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า วันนี้จากการได้รับความร่วมมือ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี จากแอสตราเซนเนก้า ทำให้ประชาชนคนไทยและทั่วโลกได้รู้จักสยามไบไซเอนซ์ ณ ตอนนั้น ประเทศเราขาดวัคซีน ทุคนต้องการวัคซีน ทุกวินาทีบีบหัวใจคนทำงานทุกคน วันนี้เราผ่านอะไรมาหลายอย่าง วัคซีนล็อตแรกถูกนำส่ง น้ำตาของคนในโรงงานไหลออกมาด้วยความภาคภูมิใจ” นางนวลพรรณ กล่าว
นายทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบโอไซนเอนซ์ จำกัด กล่าวถึงกระบวนการผลิตและการส่งมอบวัคซีนของบริษัททั้งกระบวนการ ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ ซึ่งผลิตโดยการใช้สารพันธุกรรมของโปรตีนส่วนหนามแหลม (Spike protein) ของไวรัสโควิด (SARS-CoV-2) ไปในอะดิโนไวรัสที่ไม่ก่อให้เกิดโรค โดยใช้เวลาในการผลิตด้วยกระบวนการทางชีวภาพเวลาประมาณ 120 วัน
ในกระบวนการผลิตจะเริ่มจากการทำให้เซลล์เพาะเลี้ยงติดเชื้อโดยอะดิโนไวรัสเวกเตอร์ที่ถูกดัดแปลง เพื่อให้เซลล์เจ้าบ้านเพิ่มจำนวน และผลิตเป็นวัคซีนต่อไป จากนั้นจะให้เซลล์เจ้าบ้านเติบโตในถังปฏิกรณ์ชีวภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและถูกทำให้ติดเชื้อไวรัสตั้งต้น เพื่อสร้างวัคซีนเป็นผลผลิตสุดท้าย ซึ่งเราสามารถผลิตวัคซีนประมาณ 2,500 โดส จากเซลล์เจ้าบ้าน 1 ลิตร ต่อมาวัคซีนจะถูกแยกออกจากเซลล์เจ้าบ้านและทำให้บริสุทธิ์ ผ่านการกรองหลายครั้ง เพื่อกำจัดเศษเซลล์ที่ตายและของเสีย กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลา 60 วัน
เมื่อเสร็จแล้วนั้น จะนำไปติดฉลากและบรรจุลงหีบห่อ นำไปเก็บในตู้แช่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อให้มั่นใจถึงความเสถียรภาพและอายุในการใช้งานของวัคซีนอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งใน 1 ตู้แช่สามารถแช่วัคซีนได้ถึง 20 ล้านโดส ต่อมาจะนำไปเจือจางแล้วใส่สารปรุงแต่ง เช่น น้ำ น้ำตาล และแร่ธาตุ แล้วบรรจุใส่ขวดยาที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว กระบวนการส่วนนี้จะใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน ก่อนจะส่งมอบวัคซีนต่อไป ทั้งนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพในทุกๆล็อตการผลิตมากกว่า 60 รายการ ผ่านการรับรองการผลิต ก่อนจะส่งมอบวัคซีนไปยังศูนย์กระจายวัคซีน เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนต่อไป
“ในการผลิตวัคซีน จะมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเฉียด 1 หมื่นหน้า ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน จึงขอให้ทุกคนมั่นใจว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าผ่านการดูแลเป็นอย่างดี” นายทรงพล กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/