คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เคาะแผนเปิดประเทศระยะที่ 2 ปรับวันกักตัว เตรียมเสนอ ศบค.พิจารณาต่อ คาดเริ่มใช้ 16 ธ.ค.นี้ พร้อมสั่งทำแผนจัดหา ‘แพ็กซ์โลวิด – โมลนูพิราเวียร์’ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 11/2564 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิตลดลง มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 90,468,955 โดส ครอบคลุมประชากร 47 ล้านคนจากกลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน ซึ่งยังมีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอีก 3 ล้านคน จึงกำชับให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงขยายการฉีดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งที่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ขึ้นทะเบียน โดยตั้งเป้าหมายครบ 100 ล้านโดส ในเดือนพฤศจิกายนนี้
นายอนุทิน ย้ำว่า ผลสัมฤทธิ์ของการฉีดวัคซีน ทำให้ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงชัดเจน แต่ยังพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์บประปราย จึงได้ให้ทุกจังหวัดเตรียมแผน ระบบการรักษา จัดหายา และเวชภัณฑ์ให้มีความพร้อมเสมอ ในส่วนการเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-23 พฤศจิกายน 2564 มีผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานทั่วประเทศ ทั้งรูปแบบ Test & go Sandbox และ Quarantine สะสม 94,756 ราย พบผู้ติดเชื้อประมาณ 0.1% อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมโรคได้ ซึ่งจะสามารถดำเนินการควบคู่กับการฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ พร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้หารือใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1.การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้แก่ การปรับวันกักตัว ปรับวิธีการตรวจในทุกรูปแบบที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะเสนอ ศบค. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2.การยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคโควิด 19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้บริการผ่านช่องทาง e-Vaccine Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ วันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2564
3.เห็นชอบให้กรมการแพทย์จัดทำแผนปฏิบัติการจัดหายาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) รวมทั้งความก้าวหน้าการจัดหายารักษาโรคโควิด 19 โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ซึ่งยาทั้งสองตัวเป็นยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีโรคประจำตัวร่วม เช่น ภาวะอ้วน อายุมากกว่า 60 ปี โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง โดยผลการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่ายาทั้งสองชนิดนี้ ช่วยลดการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้มากกว่า 50% และไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ได้รับยาทั้งสองชนิด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/