ป่วยโควิดใหม่ 7,305 ราย อาการหนัก 1,824 ราย รวมสะสม 2 ล้านราย ตายเพิ่ม 51 ราย ผล ATK เป็นบวก ติดเชื้อเข้าข่าย 2,532 ราย ขณะที่นักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วกว่า 3.9 หมื่นราย พบติดเชื้อใหม่ 3 สะสม 38 ราย ระดมฉีดวัคซีนแล้ว 83.32 ล้านโดส
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถาการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 7,305 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 6,974 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 6,651 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 323 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 320 ราย อีก 11 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 2,004,274 ราย
มีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 2,532 ราย รวมยอดสะสมตั้งแต่ 20 ส.ค. 2564 จำนวน 229,244 ราย
หายป่วยเพิ่ม 7,900 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 95,804 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,824 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 423 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 51 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 19,934 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 51ราย มาจาก กทม. 5 ราย ปริมณฑล 5 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 ราย ภาคเหนือ 9 ราย ภาคใต้ 16 ราย และภาคกลาง 12 ราย แบ่งเป็นชาย 24 ราย หญิง 27 ราย อายุระหว่าง 39-92 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง ส่วนปัจจัยเสี่ยงสูงสุดมาจาติดเชื้อจากคนรู้จัก ครอบครัว เพื่อน อาศัยในพื้นที่ระบาด และประกอบอาชีพเสี่ยง
โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 674 ราย สงขลา 475 ราย เชียงใหม่ 434 ราย นครศรีธรรมราช 376 ราย ปัตตานี 355 ราย ชลบุรี 249 ราย ยะลา 241 ราย สุราษฎร์ธานี 216 ราย สมุทรปราการ 205 ราย และระยอง 186 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 11 ราย แบ่งเป็น เยอรมนี 1 ราย รัสเซีย 1 ราย กาตาร์ 2 ราย เมียนมา 2 ราย และกัมพูชา 5 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 230,037 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 523,566 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 34,487 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 83,320,621 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 44,809,613 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 35,800,674 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 2,710,334 ราย
นักท่องเที่ยวเข้าไทยสะสมแล้ว 3.9 หมื่น ติดเชื้อ 38 ราย
ส่วนรายงานการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 มีผู้เดินทางเข้าประเทศรายใหม่ 4,436 ราย รวมสะสม 39,974 ราย จำแนกเป็น Test and Go 23,442 ราย Sandbox 9,836 ราย กักตัว 7 วัน 541 ราย และ กักตัว 10 วัน 1,155 ราย ติดเชื้อใหม่ 3 ราย รวมสะสม 38 ราย คิดเป็นอัตราการติดเชื้อ 0.11%
สำหรับผู้เดินทางมาจากประเทศต้นทางสูงสุด 10 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส รัสเซีย เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ อิสราเอล และสวีเดน
ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 496,395 รวมสะสม 252.63 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 496,395 ราย รวม 252,635,821 ราย อาการหนัก 77,016 ราย หายป่วย 228,557,844 ราย เสียชีวิต 5,095,268 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 43,596 ราย รวม 47,693,516 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 539 ราย รวม 780,775 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 2,390 ราย รวม 34,404,060 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 135 ราย รวม 462,284 ราย บราซิล พบเพิ่ม 15,144 ราย รวม 21,926,526 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 243 ราย รวม 610,323 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
ไทยป่วยโควิดใหม่ 7,305 ราย กทม.-สงขลา ติดเชื้อลดลง
อนึ่งเมื่อเวลา 07.52 น. สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 7,305 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 7,294 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 6,651 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 323 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 320 ราย อีก 11 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดระลอกใหม่ (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) 1,975,411 ราย
ทั้งนี้ มีผู้หายป่วยกลับบ้านเพิ่มเติม 7,900 ราย สะสมรวม (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) 1,861,092 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 95,804 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,824 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 423 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 51 ราย
เป็นผู้ป่วยในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล 1,117 ราย จาก 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,257 ราย และจังหวัดอื่นๆ 4,600 ราย
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 674 ราย สงขลา 475 ราย เชียงใหม่ 434 ราย นครศรีธรรมราช 376 ราย ปัตตานี 355 ราย ชลบุรี 249 ราย ยะลา 241 ราย สุราษฎร์ธานี 216 ราย สมุทรปราการ 205 ราย และระยอง 186 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage