ครม.ไฟเขียวแก้กฎหมาย ปปง. เพิ่มกรณี ‘ค้าสื่อลามกอนาจารเด็ก-หนีภาษีศุลกากร-ปลอมเอกสารราชการ-ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล-สมยอมเสนอราคา-เรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด’ เป็นความผิดมูลฐาน ให้อำนาจสำนักงาน ปปง. ตรวจสอบแหล่งที่มารายได้ ‘สมาคม-มูลนิธิ-องค์กรไม่แสวงหากำไร’
.................................
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในประเทศไทย ให้สอดคล้องมาตรฐานสากล และเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (FATF) ภายในปี 2566
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว มีสาระสำคัญ ได้แก่
1.แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “ความผิดมูลฐาน” ให้ครอบคลุมความผิดในสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การค้าสื่อลามกอนาจารเด็ก การหลีกเลี่ยงหรือลักลอบหนีศุลกากร การปลอมเอกสารสิทธิ/เอกสารราชการ ความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล การสมยอมในการเสนอราคา การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และเพิ่มบทนิยาม “ผู้ประกอบอาชีพ” ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับผู้ประกอบธุรกิจในไทย
2.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับแจ้ง การรวบรวม และจัดส่งข้อมูลของพนักงานศุลกากรให้สำนักงาน ปปง. ครอบคลุมตราสารเปลี่ยนมือข้ามแดน (จากเดิมกำหนดเฉพาะเงินตราหรือเงินตราต่างประเทศ) รวมทั้งกำหนดให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจยึดเงินตรา เงินตราต่างประเทศ และตราสารเปลี่ยนมือข้ามแดนดังกล่าวได้
3.กำหนดหน้าที่สมาคม มูลนิธิ และองค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน การสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ เช่น การจัดทำงบการเงินประจำปี ที่ระบุแหล่งที่มาของรายได้ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ และหากมีเหตุอันควรสงสัย สำนักงาน ปปง. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สั่งระงับการทำธุรกรรมเป็นการชั่วคราวได้
4.กำหนดหลักเกณฑ์การเก็บรักษารายละเอียดของข้อมูล หรือเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า
5.เพิ่มบทบัญญัติความผิด กรณีใช้/ยอมให้บุคคลอื่นใช้ข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐาน หรือเป็นตัวกลางในการจัดหาข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานของบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ในการปกปิดตัวตนในการทำธุรกรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
น.ส.รัชดา กล่าวว่า เพื่อให้การปรับปรุงกฎหมายมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ครม.มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ....ที่ ครม.เห็นชอบในครั้งนี้ ไปรวมกับร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ... (กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเป็นความผิดมูลฐาน) ที่ ครม.ได้เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ เป็นฉบับเดียวกัน
นอกจากนี้ ครม.ยังมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการดำเนินงานของค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปัน (NGOs) ให้มีความสอดคล้องกับ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.... ดังกล่าวด้วย เพื่อไม่ให้กฎหมายมีความซ้ำซ้อนกันหรือขัดแย้งกัน
“เมื่อร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็นเครื่องมือทางกฎหมายของภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ เกิดความเป็นธรรม และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน รวมทั้งการมีกฎหมายที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีระหว่างประเทศ” น.ส.รัชดากล่าว
อ่านประกอบ :
ครม.ไฟเขียวแก้ 'กม.ปปง.' เพิ่มความผิดมูลฐาน ‘ลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน’
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage