ติดเชื้อใหม่ 8,165 ราย สะสม 1.92 ล้านราย หายกลับบ้าน 9,574 ราย ตายเพิ่ม 55 ราย เปิดประเทศวันแรก ต้อนรับ 2เที่ยว 'ญี่ปุ่น-สิงคโปร์' เผยนักท่องเที่ยวยังน้อย แต่ย้ำรักษามาตรการเข้ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 8,185 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 7,631 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,241 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 390 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 525 ราย อีก 9 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 1,920,189 ราย
มีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 2,134 ราย รวมยอดสะสมตั้งแต่ 20 ส.ค. 2564 จำนวน 204,170 ราย
หายป่วยเพิ่ม 9,574 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 99,227 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 2,221 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 494 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 55 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 19,260 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 55 ราย มาจาก กทม. 10 ราย ปริมณฑล 3 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 ราย ภาคเหนือ 5 ราย ภาคใต้ 14 ราย และภาคกลาง 15 ราย แบ่งเป็นชาย 26 ราย หญิง 29 ราย อายุระหว่าง 24-95 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง ส่วนปัจจัยเสี่ยงสูงสุดมาจาติดเชื้อจากคนรู้จัก ครอบครัว เพื่อน อาศัยในพื้นที่ระบาด และประกอบอาชีพเสี่ยง
โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 625 ราย นครศรีธรรมราช 539 ราย สงขลา 476 ราย ปัตตานี 448 ราย เชียงใหม่ 378 ราย นราธิวาส 351 ราย ตรัง 295 ราย ยะลา 290 ราย ชลบุรี 259 ราย และสมุทรปราการ 249 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 9 ราย แบ่งเป็น สหรัฐอเมริกา 1 ราย สมาพันธรัฐสวิส 1 ราย สาธารณรัฐสิงคโปร์ 1 ราย กัมพูชา 4 ราย และเมียนมา 2 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 141,330 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 164,820 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 11,569 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 75,710,277 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 42,388,465 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 30,911,219 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 2,410,593 ราย
ภาพรวมทั่วประเทศติดเชื้อลดลง
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทิศทางผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมีแนวโน้มลดลง รวมถึงในกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทางศบค.มีความเป็นห่วงเทศกาล แต่ทั้งนี้ ยังมีความน่าเป็นห่วงในช่วงเดือน พ.ย. มีเทศงาน จัดงานกิจกรรม การทอดกฐิน และที่ผ่านมาในเทศกาลบั้งไฟที่จังหวัดหนองคาย พบผู้ติดเชื้อ และมีการเดินทางข้ามพื้นที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อที่อุดรธานีด้วย รวมถึงพบผู้ติดเชื้อจากการแข่งขันฟุตบอลที่อุดรธานีด้วย จึงขอเน้นย้ำให้ทางจังหวัด ผู้จัดงาน และประชาชนในพื้นที่ ให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ เริ่มพบผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์งานแต่งงาน ที่เชียงใหม่ จึงฝากให้ผู้จัดงานคัดกรองผู้ร่วมงานด้วย และยังพบที่แคมป์คนงาน ที่พักแรงงาน ที่ชลบุรี นครนายก เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ สำหรับจังหวัดที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น ขอนแก่น ระยอง เชียงใหม่ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ขณะที่ ตาก จันทบุรี เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ
เปิดประเทศวันแรก นักท่องเที่ยวยังน้อย
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการเปิดประเทศในวันนี้เป็นวันแรก ว่า ต้องส่งกำลังใจให้กับ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว โดยการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รวมถึงคณะผู้บริหารได้ไปตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองที่สนามบินสุวรรณภูมิ และถือเป็นการทดสอบระบบ Thailand Pass เป็นครั้งแรก
ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ มีเที่ยวบินจากญี่ปุ่น โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมา 43 คน แต่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเดินทางกลับบ้าน มีนักท่องเที่ยวเพียง 11 คน และในวันนี้ เวลา 11.10 น. ได้ต้อนรับเที่ยวบินจากประเทศสิงค์โปร์
สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย ยืนยันว่าการเปิดประเทศเป็นการทยอยรับเข้ามา ระหว่างนี้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สธ. กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะตรวจสอบทดสอบระบบว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่
พญ.อภิสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศประเทศเพิ่มเติม ที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ในโครงการนี้จำนวน 61 ประเทศ บวก 2 พื้นที่ ซึ่งพื้นที่เพิ่มเติม ประกอบด้วยโครเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย คูเวต ลาว ลักเซมเบิร์ก มัลดีฟส์ มองโกเลีย เมียนมา เนปาล โอมาน ฟิลิปปินส์ โรมาเนีย ศรีลังกา สาธารณรัฐสโลวัก เวียดนาม ไต้หวัน และสำหรับกรณีผู้เดินทางเข้าโครงการแซนด์บ็อกซ์ ก็ไม่สามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้
“ขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ทั้งร้านอาหาร สถานประกอบการ ร้านกาแฟ รถแท็กซี่ รถบัส หากพบนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวคนไทย ไม่ปฎิบัติตามมาตรการ และมีความไม่ปลอดภัย สามารถที่จะปฎิเสธการให้บริการได้ พร้อมทั้งขอให้นักท่องเที่ยวช่วยบันทึกข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งเรื่องกิจกรรม วัน เวลา เนื่องจากหากพบการติดเชื้อในพื้นที่ดังกล่าว จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสอบสวนโรคได้อย่างแม่นยำ และจำกัดวงการระบาดได้เร็ว”
เร่งหารือจัดสรรวัคซีนให้แรงงานต่างด้าว
พญ.อภิสัมย เปิดเผยภายหลังการประชุม ศบค. ชุดเล็ก ว่า ได้มีการหารือแนวทางการจัดสรรวัคซีนให้กับแรงงานต่างด้าว ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคได้ลงนาม และเมื่อมีวัคซีนเพียงพอในแต่ละจังหวัด จะมีการประกาศให้ผู้ประกอบการ นำแรงงงานต่างด้าวที่อยู่ในการดูแลเข้ารับการฉีดวัคซีน
โดยเฉพาะในเดือน พ.ย. นี้ ถ้าวัคซีนเป็นไปตามแผนที่สาธารณสุขคาดการณ์ไว้ จะมีวัคซีนทั้งสิ้น 24 ล้านโดสเข้ามาในประเทศไทย ถือว่ามีวัคซีนเพียงพอสำหรับคนไทย และสามารถฉีดวัคซีนให้กับแรงงานต่างด้าวได้ด้วย ขณะที่รายงานการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม เพื่อเป็นการตอบโต้สายพันธุ์เฉพาะ
ไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK นักเรียนทุกสัปดาห์
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการเปิดภาคเรียนที่โรงเรียนในวันนี้ ว่า เป็นวันเปิดเทอมวันแรก สำหรับการการสุ่มตรวจ ATK นั้น ในข้อกำหนดฉบับที่ 34 ของกระทรวงศึกษาธิการในหลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียน เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้ระบุการตรวจหาเชื้อโควิดในโรงเรียน
สิ่งสำคัญจะต้องให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. กำหนดได้ตามความเหมาะสมของการระบาดในพื้นที่ แยกทั้งระดับอำเภอและจังหวัด และสิ่งสำคัญโรงเรียนต้องประเมินตนเองตามมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดติดเชื้อ ซึ่งเป็นแบบสอบถามของกรมอนามัย
ทั้งนี้ ครู อาจารย์ต้องมีการประเมินตนเองเช่นเดียวกัน และผู้ปกครองต้องประเมินตนเองด้วยทุกวัน ส่วนการตรวจ ATK ไม่ใช่ตรวจนักเรียนทุกคนหรือ ไม่จำเป็นต้องตรวจแบบปูพรม แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ด้วย
พญ.อภิสมัย กล่าวเน้นย้ำว่า แม้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด แต่ยังติดเชื้อในโรงเรียนให้ผู้บริหารโรงเรียน หรือ คณะกรรมโรคติดต่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน แต่ต้องมีการสอบสวนโรคทันที ให้เลือกปิดเฉพาะชั้นเรียนที่มีความเสี่ยงเท่านั้น
ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 327,243 รวมสะสม 247.13 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 327,243 ราย รวม 247,461,079 ราย อาการหนัก 72,705 ราย หายป่วย 224,126,445 ราย เสียชีวิต 5,014,947 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 19,975 ราย รวม 46,823,938 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 162 ราย รวม 766,299 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 12,935 ราย รวม 34,285,612 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 251 ราย รวม 458,470 ราย บราซิล พบเพิ่ม 6,761 ราย รวม 21,810,855 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 96 ราย รวม 607,860 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage