สธ.แถลงเดือน พ.ย.นี้จะมีวัคซีนเข้ามา 25 ล้านโดส เป็นวัคซีนแอสตร้าฯ 15 ล้านโดส และไฟเซอร์อีก 10 ล้านโดส ส่วนวัคซีนซิโนแวคคากสิ้นเดือนนี้หมด เตรียมแผนฉีดสูตรผสมแอสตร้า-ไฟเซอร์ ยืนยันวัคซีนมีเพียงพอ คาดว่าฉีดครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายใน ธ.ค.นี้ พร้อมไฟเขียวเด็กชายรับไฟเซอร์เข็ม 2 ตามความสมัครใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ แถลงสถานการณ์การระบาดของโควิด สถานการณ์วัคซีน กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การระบาดของประเทศลดลง โดยเฉพาะในกทม.และปริมณฑลลดลง แต่ยังมีบางพื้นที่ยังพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะวัคซีนและเวชภัณฑ์ลงไปสนับสนุนเพิ่มเติม สิ่งที่สำคัญคือการเคร่งครัดมาตรการ การป้องกันตัวเองอย่างสูงสุด เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว 4 วันนี้
ส่วนสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 68.5 ล้านโดส คาดว่าสัปดาห์หน้าอาจถึง 70 ล้านโดส และเชื่อว่าในเดือน พ.ย. หรือต้นเดือน ธ.ค. อาจได้ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีเคยตั้งไว้
ส่วนในพื้นที่ที่มีความจำเพาะ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นสีฟ้า เราเปิดไปแล้วที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง ขณะนี้การฉีดวัคซีนครอบคลุมตามเป้าหมาย และในระยะต่อไปที่เราจะเพิ่มเป็น 15 จังหวัด ขณะนี้การฉีดวัคซีนก็ครอบคลุมถึงระดับ 70% แล้ว แต่ยังขาดวัคซีนอีก 600,000 คน ขณะนี้ สธ.ได้ดำเนินการส่งวัคซีนไปแล้ว
"ในเดือน พ.ย.นี้ เราคาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามา 25 ล้านโดส เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 15 ล้านโดส และวัคซีนไฟเซอร์อีก 10 ล้านโดส ส่วนวัคซีนซิโนแวค ซึ่งเราพบว่าเป็นวัคซีนที่ฉีดปูพื้นได้ดี ขณะนี้เหลือค่อนข้างน้อย คาดว่าสิ้นเดือนนี้จะหมด ขอให้คนที่อยากฉีดซิโนแวครีบเข้ารับวัคซีน เพราะโอกาสที่จะได้ฉีดในเดือนถัดไปนั้นมีน้อย และยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพอสำหรับประชาชนในการฉีดเข็ม 1 2 และ 3 คาดว่าจะฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายได้ใน พ.ย.-ธ.ค." นพ.โอภาส
ส่วนการฉีดวัคซีนสูตรผสม แอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ สูตรนี้ได้รับอนุญาตให้ฉีดภายในประเทศได้แล้ว แต่ยังต้องรอดูการประกาศอีกครั้ง เพราะยังต้องเช็คว่าวัคซีนมีเพียงพอไหม ย้ำว่าวัคซีนทุกสูตรมีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยเท่ากัน รวมถึงประชาชนที่ต้องการบูสเตอร์โดส ขณะนี้เราได้จัดหาวัคซีน 120 ล้านโดสแล้ว ยืนยันวัคซีนมีเพียงพอ
ไฟเขียวฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 เด็กชาย 12-16 ปี
นพ.โอภาส กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริม ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 สำหรับเด็กชายอายุ 12-16 ปี ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง โดยคณะผู้เชี่ยวชาญ สมาคมโรคติดเชื้อและสถาบันวัคซีนแห่งชาติรายงานผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันในวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี พบว่า ต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มจึงจะมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อโควิดสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งผลการฉีดเข็ม 1 ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้ เพราะมีระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดไม่ถึงเพียงพอที่จะป้องกันโรคได้
ทั้งนี้ความกังวลการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศไทยนั้น จากการฉีดวัคซีนในวัยรุ่นไปแล้วกว่า 2 ล้านคน ทุกรายมีอาการไม่รุนแรงและรักษาหายได้เป็นปกติเกือบดีทั้งหมด ซึ่งอุบัติการณ์นี้ต่ำกว่าในต่างประเทศและการติดเชื้อโควิด
"สำหรับอัตราการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนไฟเซอร์อาจเกิดได้ใน 6 รายจาก 100,000 ราย ซึ่งเป็นไปได้น้อย และส่วนใหญ่หายเองได้ โดยโอกาสหายเอง 90% หากเปรียบเทียบกับการติดเชื้อโควิด แต่หากเด็กติดโควิด โอกาสที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เรียกย่อว่า MIS-C จะมีมากกว่าการฉีดวัคซีนค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงแนะนำให้ฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 2 ในเด็กนักเรียนชายต่อไป โดยให้เป็นไปตามความประสงค์และความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก ไม่มีการบังคับให้ต้องฉีดวัคซีน" นพ.โอภาส กล่าว
คนฉีดซิโนฟาร์มเตรียมบูสเข็ม 3 ใช้เกณฑ์เดียวกับซิโนแวค
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้มีคำแนะนำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนชนิดที่ต่างกัน ซึ่งไทยได้เริ่มต้นปูพื้นวัคซีนด้วยชนิดเชื้อตาย และตามด้วยชนิดไวรัลเวคเตอร์ หรือ mRNA ยืนยันว่าสูตรไขว้ต่างๆ มีประสิทธิภาพดี มีความปลอดภัย และสอดคล้องกับคำแนะนำองค์การอนามัยโลก
ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ในผู้ที่ได้รับซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ให้ใช้หลักการเดียวกับซิโนแวค คือฉีดกระตุ้นหลังได้รับวัคซีนครบโดส 3 เดือนเป็นต้นไป คาดว่าจะกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นในช่วงปลายเดือน พ.ย. ถึงต้นเดือน ธ.ค.2564 ระหว่างนี้ขอให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ส่งข้อมูลให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา ก่อนประกาศให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage