'อสส.'รับต้องแก้ไขหลังมีรายงาน 'บอส อยู่วิทยา' ยื่นขอความเป็นธรรมซ้ำถึง 14 ครั้ง ชี้หลักเกณฑ์ใหม่ ยื่นขอความเป็นธรรมต้องดูมีเจตนาประวิงคดีหรือไม่-รับตอน 'เนตร นาคสุข' สั่งไม่ฟ้อง ถ้า ผบ.ตร.ไม่ทำความเห็นแย้งก็ไม่ทราบเรื่องเลย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุดได้แถลงข่าวในหลายประเด็นที่สาธารณชนสนใจ โดยตอนหนึ่งของการแถลงข่าวนั้นนายสิงห์ชัยได้แถลงข่าวตอบคำถามข้อครหากรณีที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในคดีขับรถชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงรายงานว่าฝ่ายของนายวรยุทธซึ่งเป็นผู้ต้องหามาร้องขอความเป็นธรรมซ้ำถึง 14 ครั้ง ตรงนี้จะต้องมีการแก้ไขอะไรหรือไม่ นายสิงห์ชัยกล่าวว่าในกระบวนการอำนวยความยุติธรรมของอัยการนั้นต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพทั้ง 2 ฝ่าย การสั่งคดีของอัยการก็จะต้องฟังพยานหลักฐานทั้ง 2ด้านเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาตามระเบียบการเรื่องการดำเนินคดีอาญา ตามระเบียบเก่านั้นค่อนข้างจะเปิดกว้างตรงนี้ แต่ว่าเมื่อพอมีปัญหาการปฏิบัติงานเกิดขึ้นแล้ว ทางสำนักงาน อสส.ก็ได้มีการแก้ไขปัญหาในเชิงปฏิบัติที่ว่ามานี้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องยึดหลักว่าต้องให้ความเป็นธรรมในการดำเนินคดี
เมื่อถามว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นแก้ไขอย่างไร นายสิงห์ชัยกล่าวว่าการแก้ไขระเบียบการของความเป็นธรรม หลักๆเลยก็จะต้องมีตัวของผู้ต้องหาในคดีในการยื่นด้วย
“ในการแก้ไขระเบียบเรื่องการร้องขอความเป็นธรรมใหม่ เราจะให้ดุลยพินิจกับผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าการขอความเป็นธรรมนั้นจะเป็นการประวิงคดีหรือไม่และเหตุผลที่เขาขอความเป็นธรรมนั้นมันซ้ำเดิมหรือไม่ ซึ่งถ้ามีประเด็น คำร้องนี้ก็อาจจะตกไป”นายสิงห์ชัยกล่าว
เมื่อถามว่าในกระบวนการร้องขอความเป็นธรรมจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาหรือไม่ อัยการสูงสุดกล่าวว่าระยะเวลาขอความเป็นธรรมนั้นมันจะต้องดูเหตุผลในแต่ละคดี แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องดูว่าการยื่นขอความเป็นธรรมนั้นจะต้องดูในเรื่องเจตนาประวิงคดีเป็นหลัก
เมื่อถามกรณีที่ เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อัยการสูงสุดจะต้องรับทราบคำสั่งของนายเนตรด้วยหรือไม่ นายสิงห์ชัยกล่าวว่าเรื่องนี้มีการมอบอำนาจให้บริหารคดีไปแล้ว ซึ่งกรณีที่นายเนตรมีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น นายเนตรได้สั่งการในฐานะรองอัยการสูงสุด และระบบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อนายเนตรสั่งแล้วก็จะต้องเข้าไปสู่กระบวนการถ่วงดุลตามกฎหมายก็คือจะต้องส่งเรื่องไปให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดูว่าเห็นชอบหรือไม่ ถ้าเห็นชอบก็ถึงที่สุด แต่ถ้าเขาเห็นแย้งก็จะมีการส่งคำเห็นแย้งนั้นมาให้กับ อสส. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อถามว่าแล้วอัยการสูงสุดจะต้องรับทราบกรณีที่นายเนตรได้สั่งคดีในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ นายสิงห์ชัยกล่าวว่าถ้าจะรับทราบนั้นก็หมายความว่าทาง ผบ.ตร.ก็ต้องมีความเห็นแย้งและต้องส่งมาให้ อสส.ชี้ขาดตามกฎหมาย ซึ่งตัวอัยการสูงสุดก็จะทราบคำสั่งไม่ฟ้องในตอนนั้น
อัยการสูงสุดกล่าวต่อว่าหรือก็คือตอนที่นายเนตรได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง อัยการสูงสุดยังไม่ทราบ ณ เวลานั้นนั่นเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายเนตรและอัยการชื่อ ช.ได้ยื่นหนังสือลาออก นายสิงห์ชัยกล่าวว่ายังไม่เห็นเรื่องนี้เข้ามา แต่ระบบการยื่นลาออกของอัยการนั้นต้องสำนักงาน ก.อ.เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีประเด็นอะไรอยู่หรือไม่ และต้องผ่านไปทางรองอัยการสูงสุดซึ่งรับผิดชอบสำนักงาน ก.อ. ก่อนไปถึง อสส.ตามลำดับชั้น แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นเรื่องลาออกแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอได้มีการพิจารณาว่าจะทำความเห็นแย้งหรือไม่ หลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้อง นางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร และ นายวันชัย หงษ์เหิน สามี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน นายสิงห์ชัยกล่าวว่าเรื่องนี้ที่ผ่านมาทีมโฆษกได้เคยแถลงถึงสาเหตุที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษก็กำลังพิจารณาอยู่ ถ้าเขาเห็นตามอัยการก็คือจบ แต่ถ้าเขาเห็นแย้งมาก็ต้องส่งเรื่องมาให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ซึ่ง ณ เวลานั้นอัยการสูงสุดจะเห็นเป็นเช่นไร เรื่องก็จะจบเลย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/