'ณัฐวุฒิ-สมบัติ' จัดคาร์ม็อบ 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง เริ่มต้นแยกอโศก จบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยันสู้ขับไล่ประยุทธ์ต่อ เผยพอใจการชุมนุมวันนี้ ขณะที่เกิดเสียงดังคล้ายประทัด ระหว่างให้สัมภาษณ์
----------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2564 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำนักเคลื่อนไหวการเมือง และกลุ่มแนวร่วมจากกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรม 'คาร์ม็อบ 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง' เป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และแสดงพลังต่อต้านการรัฐประหาร ในวาระครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยเริ่มต้นที่แยกอโศก ในเวลา 14.00 และจบที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 18.00 น.
เมื่อเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มตั้งขบวนคาร์ม็อบ ที่แยกอโศกมนตรี ทั้งนี้ ยังจะมีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คือ การจำลองเหตุการณ์ขับรถแท็กซี่ของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ไปชนกับรถถัง ในเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวถึงกิจกรรมการชุมนุมที่จัดขึ้นในวันนี้ว่า จะได้สร้างความตระหนักในสังคม โดยชี้ว่า การแก้ปัญหารัฐประหารเมื่อ 15 ปีก่อน ที่เป็นประตูทำให้เกิดการรัฐประหารเข้าสู่การเมือง ผ่านมา 15 ปีแล้ว วันนี้ผู้นำประเทศยังเป็นการผู้นำรัฐประหารรอยู่เลย วันนี้จึงอยากฝากคนที่เคยสนับสนุนเมื่อ15 ปีที่แล้ว ต้องไปถอดบทเรียนว่า ควรต้องใช้การเลือกตั้งเป็นทางออก ต้องใช้การแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น เป็นทางแก้ ไม่มีระบอบอื่น และจากนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติของชนชั้นนำของประเทศนี้อยู่
นายสมบัติ กล่าวว่า มั่นใจว่าจากนี้ไป ซึ่งถือเป็นช่วงสุดท้ายของรัฐบาลแล้ว หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการแก้โจทย์ปัญหาการเลือกตั้ง ดีกว่าแบก พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับไฮไลต์วันนี้คือการขับรถยนต์ชนรถถัง แต่ต้องรอนายณัฐวุฒิเดินทางมาถึงก่อน
เมื่อเวลา 17.35 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มทยอยเดินทางมาสมทบกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางแล้ว เพื่อเตรียมประกาศเป้าหมาย นำผ้าดำมาคลุม ตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และมีการนำรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขึ้นไปติดเอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ มีการร้องเพลง กันและกัน ที่แต่งในเรือนจำเมื่อปี 2553 บนเวทีรถปราศรัย เพื่อเป็นการผ่อนคลายกลุ่มมวลชนหลังร่วมทำกิจกรรมคาร์ม็อบ ตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 น. เป็นต้นมา
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า 15 ปีที่ผ่านมา ต้องแลกอะไรมาบ้าง มียึดอำนาจ 2 ครั้ง บอยคอตเลือกตั้ง 2 หน ให้ท้ายม็อบยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นความอัปยศที่สุดในแผ่นดิน ย้ำ เราจะไล่ต่อไป
“ในวาระอันสำคัญ ครบรอบ 15 ปี รัฐประหารในวันนี้ เรามาแสดงพลัง มายืนรวมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ว่าเจ็บปวด ก็พากันมาตรงนี้ ไล่ล่าก็พากันมาตรงนี้ อยากบอกฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากวันนี้คุณยังเชียร์ประยุทธ์ ทางการเมืองถือว่าเราขาดกันเป็นต้นไป แต่ไม่เกี่ยวความเป็นพี่น้องร่วมชาติ ที่ไม่ทำอันตราย ทำร้ายกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป โดยได้ข้อสรุปว่า รูปแบบคาร์ม็อบก็ยังตอบโจทย์แสดงพลังสูงสุด ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ขอให้ผมและพรรคพวกไปสรุปบทเรียน เพื่อนำมาใช้ต่อสู้ต่อไป ซึ่งยังต้องต่อสู้กันอย่างยาวนาน
โดย นายสมบัติ ยังได้ปราศรัยตอกย้ำ ขอให้คนที่คิดว่าวิธีการแก้ปัญหา ด้วยการนำทหารออกมารัฐประหาร เมื่อ 15 ปีที่แล้ว แล้ววันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่หรือไม่ ก็ยังอยู่ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนจับต้องได้ 15 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นการพิสูจน์ว่าทำให้ประเทศไทยถอยหลัง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และประกาศยุติชุมนุมในเวลา 18.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมระบุว่าให้มวลชนรอฟังการนัดหมายการชุมนุมครั้งต่อไป
เมื่อเวลา 18.10 น. นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ส่วนตัวพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่ปรากฏภาพที่เชื่อมั่นมาตลอด ว่าประชาชนที่รักประชาธิปไตยไม่ได้อ่อนแอ เพียงแต่ สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำการชุมนุมยืดเยื้อได้ โดยหลังจากวันนี้จะสรุปบทเรียนจะสื่อสารกับสังคมอีกครั้ง ส่วนสิ่งที่พบ จะเก็บไว้เป็นประสบการณ์ และแยกแยะจุดแข็งจุดอ่อน พร้อมขอบคุณประชาชนที่ออกมายืนเคียงข้างกัน รวมถึงคนที่ไม่ได้มาร่วมม็อบแต่ส่งพลังมาให้ และขอบคุณสื่อ ที่เป็นกระบอกเสียงให้ครั้งนี้
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า ได้ทราบเรื่องเหตุระเบิด 2 ครั้งที่เกิดขึ้นระหว่างเคลื่อนขบวน บริเวณริมถนนพระราม 4 ใกล้ศูนย์ประชุมสิริกิติ์แล้ว แต่รูปแบบคาร์ม็อบนั้นไม่มีเรื่องดังกล่าว จึงจะสอบถามกับตำรวจ และหาพยานจากมวลชนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ แต่ยืนยันว่าทางกลุ่มจะไม่ใช้ความรุนแรง
โดยระหว่างที่นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่นั้น ได้เกิดเสียงดังคล้ายประทัดขึ้น 1 ครั้ง ใกล้กับแยกผ่านฟ้า จากนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้นอีก 1 ครั้ง บริเวณข้างร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง ทำให้มวลชนคาร์ม็อบถึงกับแตกฮือ และเกิดเหตุชุลมุน จากนั้น เหตุการณ์ก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ มีการเปิดถนนให้สัญจรบริเวณดังกล่าวได้ตามปกติ ส่วนมวลชนได้ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่แล้ว
มวลชนปะทะ คฝ.เดือด แยกนางเลิ้ง
ขณะที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้ายึดพื้นที่เอาไว้ทั้งหมดก่อนที่กลุ่มทะลุแก๊สจะรวมตัวกัน ทำให้มวลชนไม่สามารถเข้าพื้นที่
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 19.00 น.ได้มีมวลไปรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง มวลชนได้พยายามเข้าประชิดแนวเจ้าหน้าที่ที่ตั้งสกัดอยู่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ มีการจุดไฟเผาเผาซุ้มพระบรมพระฉายาลักษณ์บนสะพานลอย หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จุดพลุไฟ พลุเพลิง ปาประทัดยักษ์ใส่แนวเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน และเจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สออกมาเพื่อสกัดกั้น ทำให้มวลชนกลับไปยังพื้นที่แยกนางเลิ้ง ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่เป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์เริ่มตรึงเครียด ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ล่าสุดเวลา 19.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนล่าถอยออกจากพื้นที่แล้ว
ภาพจาก: ไทยโพสต์
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage