โควิดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,802 ราย เจอใน กทม.-สมุทรปราการหลักพันราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,219,531 ราย หายป่วยมากกว่ายอดติดเชื้อ อยู่ที่ 18,996 ราย เสียชีวิตพุ่งอยู่ที่ 252 ราย เริ่มพบผู้มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ดับพุ่งราว 80% เร่งขยายช่วงอายุ ให้ตั้งแต่ 50 ปี รับวัคซีนเร่งด่วนด้วย
-------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 16,536 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อในประเทศ 14,508 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 12,892 ราย การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,688 ราย มาจากเรือนจำ 317 ราย และอีก 5 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,219,531 ราย และมีผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 1,880 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 18,996 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสมทั้งหมด 1,040,768 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 166,922 ราย โดยเป็นผู้ป่วยหนัก 4,917 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,040 ราย
โดยมีผู้เสียชีวิต 252 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 141 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 13 ราย และจังหวัดอื่น 98 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 166 คิดเป็น 66% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 60 ราย คิดเป็น 24% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90% เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง
"ตัวเลขผู้เสียชีวิตวันนี้ เริ่มพบในกลุ่มผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีราว 80% ขณะนี้กำลังพิจารณาขยายเพิ่มให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปรับวัคซีนเร่งด่วนด้วย" พญ.อภิสมัย กล่าว
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 3,732 ราย สมุทรปราการ 1,284 ราย ชลบุรี 879 ราย สมุทรสาคร 864 ราย ระยอง 547 ราย อยุธยา 492 ราย ราชบุรี 417 ราย นครราชสีมา 333 ราย ฉะเชิงเทรา 331 ราย และนราธิวาส 313 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 5 ราย แบ่งเป็น ฝรั่งเศส 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย กัมพูชา 2 ราย และมาเลเซีย 1 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 393,633 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 431,777 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 2,772 ราย รวมสะสม 32,600,001 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 23,795,098 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 8,212,750 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 592,153 ราย
"ในปัจจุบันมีวัคซีนเข้ามาในประเทศไทย 40 ล้านโดส ฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส อีก 8 ล้านโดสยังอยู่ในระบบ หรือฉีดแล้วแต่ยังไม่มีการลงข้อมูล จึงขอให้หน่วยฉีดเร่งลงข้อมูลการฉีด" พญ.อภิสมัย กล่าว
ทั้งนี้ พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ยังมีการเน้นย้ำการฉีดวัคซีนไปยังแคมป์คนงานต่างๆ ที่จะมีแรงงานกลับมาจากต่างจังหวัด หลังมีการผ่อนคลายในวันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นวันแรก โดยให้ตรวจคัดกรองแรงงานที่จะเดินทางกลับเข้ามาอย่างใกล้ชิด และระดมฉีดวัคซีนในคนกลุ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนของระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ไปแล้ว 18 ล้านราย ฉีดแคมป์คนงาน กทม. 50,026 ราย หากแรงงานกลับมาจากต่างจังหวัดและยังไม่ได้ฉีด สำนักโยธาธิการและกระทรวงแรงงานจะเป็นเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีคลัสเตอร์กลับมาอีก
@ ย้ำไม่ได้บังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการคุมโควิดแนวใหม่
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงมาตรการควบคุมโควิดแนวใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย ที่เรียกว่า 'Smart Control and Living with Covid-19' ว่า ศบค.เห็นชอบที่ สธ.ได้เสนอมาตรการดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่ามาตรการนี้ ในส่วนของ COVID-FREE Setting ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ เป็นการนำร่องจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด หากจังหวัดใดหรือองค์การใดพร้อมสามารถทำได้เลย ให้ศึกษาได้จาก Thai Stop COVID Plus หรือหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
ซึ่งมาตรการย่อยของ COVID-FREE Setting ที่ให้เคร่งครัดเรื่องระบบระบายอากาศ สุขอนามัย ความสะอาดปลอดภัย ร้านต่างๆ สามารถทำได้ทันที ส่วนมาตรการที่ให้พนักงานในร้านได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ คงดำเนินการได้ในจังหวัดที่มีฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนมาก เช่น กทม.และปริมณฑล เนื่องจากเราเข้าใจว่าวัคซีนยังไม่ทั่วถึง แต่ปักหมุดวันที่ 1 ต.ค.ความพร้อมจะชัดยิ่งขึ้น ส่วนการให้ลูกค้าต้องได้รับวัคซีนนั้น ขณะนี้ยังเป็นการขอความร่วมมือ ยังไม่มีการบังคับ
การเริ่มในสถานประกอบการที่พร้อมก็จะเป็นตัวอย่างนำร่องสำหรับสถานประกอบอื่นได้ศึกษา เพื่อที่จะได้มีการปรับปรุง ก่อนที่วันที่ 1 ต.ค.2564 จะมีความชัดเจน และดำเนินการได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากจังหวัดใดมีการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ตัวเองแล้ว สามารถพิจารณาฉีดวัคซีนให้กลุ่มต่างๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ตัวเองได้ตามบริบทของพื้นที่ เช่น ที่เพชรบูรณ์เ สนอมาว่าแหล่งท่องเที่ยวอย่างภูทับเบิก และเขาค้อ สามารถเข้าโครงการมาตรการควบคุมโควิดแนวใหม่ฯ ได้หรือไม่ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.)ให้ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวดำเนินการได้ทันที และขอขอบคุณทุกจังหวัดที่ริเริ่มและเสนอเข้ามา โดยขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดดูแลเรื่องการเข้มมาตรการ เพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน จะได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างปลอดภัย
"ทั้งนี้หากยังไม่พร้อม ขอให้ยึดมาตรการเดิมก่อน เพราะหากยอดติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงจนต้องล็อกดาวน์ซ้ำ จะเกิดความเสียใจได้ ส่วนการขอแสดงดนตรีในร้านอาหาร ช่วง 14 วันนี้ ยังไม่สามารถทำได้ ขอให้รอก่อน ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น จะผ่อนคลายมากขึ้น" พญ.อภิสมัย กล่าว
@ ศบค.ขอให้ตรึงระบบบริการสาธารณสุข
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้หารือกันอีกว่า แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง และบางจังหวัดเริ่มปิดโรงพยาบาลสนาม เพราะบริษัทเอกชนและโรงเรียนต้องกลับมาเปิดบริการ หลังการประกาศผ่อนคลาย จึงต้องมีการคืนพื้นที่ ศบค.จึงขอเรียนให้ทุกจังหวัดยังตรึงกำลังระบบบริการสาธารณสุข ขอให้มีโครงสร้างรองรับไว้หากตัวเลขกลับมาสูงขึ้นอีก
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 607,415 รวมสะสม 218.54 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 607,415 ราย รวม 218,541,072 ราย อาการหนัก 106,153 ราย หายป่วย 195,371,729 ราย เสียชีวิต 4,533,622 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 156,002 ราย รวม 40,114,099 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,232 ราย รวม 657,910 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 43,072 ราย รวม 32,810,892 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 462 ราย รวม 439,054 ราย บราซิล พบเพิ่ม 25,586 ราย รวม 20,777,867 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 882 ราย รวม 580,525 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/