สธ.เผยแผนฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 1 ครอบคลุม 70% ทั้งประเทศ พร้อมกระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงในเดือน พ.ย. ก่อนกระจายฉีดให้ทั่วประเทศ พร้อมแจงกรณีฉีดไฟเซอร์ดับ ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน คาดน่าจะเป็นเข็มแรก
------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การจัดหาและให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศว่า จะเห็นว่า ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย. อย่างกรณีวัคซีนซิโนแวคที่จัดหาเพิ่มเติมมาอีก 12 ล้านโดส ถือเป็นประโยชน์ในการนำมาฉีดไขว้กับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยจากเดิมกำหนดว่า แอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบ 5.8 ล้านโดสในเดือน ส.ค. แต่ในเดือน ก.ย.มีการปรับเพิ่มจากเดิม 7 ล้าน เป็น 7.3 ล้านโดส และเดือน ต.ค.-ธ.ค. ปรับเพิ่มเป็น 10 ล้านโดสจากเดิมกำหนด 7 ล้านโดส ส่วนไฟเซอร์ จะส่งมอบในเดือน ก.ย. 2 ล้านโดส เดือน ต.ค.อีก 8 ล้านโดส และเดือนพ.ย.-ธ.ค. อีกเดือนละ 10 ล้านโดส
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า โดยรวมแผนส่งมอบวัคซีนถึงปลายปี 124 ล้านโดส รวมจากที่เคยมีมา และหากรวมกับซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา จะได้จำนวน 140 ล้านโดสในปี 2564 แต่ทั้งนี้เรื่องผลิตภัณฑ์วัคซีนต้องเน้นความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อส่งมอบแต่ละประเทศ ก็ต้องตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด ก่อนกระจายให้บริการฉีดวัคซีน ซึ่งยอดในแผนนี้ ก็คาดหวังว่าจะไม่มีอะไรติดขัด และจำนวนวัคซีนก็ยังขึ้นกับการส่งมอบจากบริษัทผู้ผลิตเช่นกัน
เมื่อมีปริมาณวัคซีนตามเป้า ในส่วนเรื่องการกระจายวัคซีน โดยหลักการมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการวิชาการให้ความเห็นในการเน้นให้กลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงก่อน เพื่อการควบคุมป้องกันโรค โดยภาพรวมเดือน ส.ค. เป้าหมายฉีดวัคซีนจะฉีดให้ครอบคลุม 70% สำหรับวัคซีนเข็มที่ 1 โดยเน้นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ใน 12 จังหวัด ต่อมาเดือน ก.ย.จะเพิ่มการฉีดเข็มที่ 1 ให้ครอบคลุมมากกว่า 70% ในกลุ่มเสี่ยง 608 ทุกจังหวัด
ส่วนเดือน ต.ค.จะเป็นการฉีดตามมาในเข็มที่ 2 เพื่อให้ครบ 2 เข็มมากกว่า 70% ในกลุ่ม 608 และมากกว่า 50% เข็มที่ 1 ทั้งประเทศ รวมทั้งเด็ก ต่อมาในเดือน พ.ย.จะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 มากกว่า 70 ของประชาชนทั้งประเทศ และมีการพิจารณาการฉีดเข็มที่ 3 กระตุ้นสำหรับพื้นที่เสี่ยง ซึ่งกรณีวางเป็นแนวทาง และเดือน ธ.ค. ทุกพื้นที่ทั้งประเทศต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ครบ 2 เข็ม และมีส่วนเติมเข็ม 3 ไล่หลังมา อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล มาตรการองค์กรด้วยเช่นกัน
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงคำถามวัคซีนดังกล่าวยังป้องกันเดลตาหรือไม่ว่า สายพันธุ์เดลต้ามีการะบาดมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 2.5 เท่า ซึ่งการระบาดของเดลต้าในหลายประเทศ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แม้จะฉีดวัคซีนกว้างขวาง ดังนั้น มาตรการฉีดวัคซีนอย่างเดียว จึงไม่เพียงพอในการหยุดแพร่เชื้อ แต่ยังต้องมีมาตรการอื่นๆ ควบคู่และร่วมด้วย
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลกให้ฉีดวัคซีนแบบไขว้ได้หรือไม่นั้นว่า องค์การอนามัยโลกไม่ได้แนะนำให้ประชาชนเลือกวัคซีนไขว้เอง แต่แนะนำให้หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศพิจารณาฉีดวัคซีนแบบไขว้ได้ เพราะจะมีคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณาให้
“องค์การอนามัยโลก พูดถึงสูตรการสลับวัคซีน โดยเข็มที่ 1 เป็นแอสตร้า หรือไวรัลเวกเตอร์ และตามด้วย mRNA แต่ไม่ได้ปิดกั้นหากประเทศไหนมีองค์ความรู้ในการฉีดไขว้ที่แตกต่างออกไป ซึ่งไทยก็มีผลการศึกษาว่า ซิโนแวคและตามด้วยแอสตร้าฯ ห่างกัน 3 สัปดาห์พบว่าภูมิคุ้มกันสูงระดับพอกับแอสตร้าฯ 2 เข็ม แต่ใช้เวลาสั้นกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าบุคลากรการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม และกระตุ้นด้วยแอสตร้าฯ เข็ม 3 พบภูมิฯสูงมากถึง 271.1” นพ.เฉวตสรรกล่าว
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม ว่า ขณะนี้ยังเป็นการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า แต่แนวทางของประชาชนทั่วไปกำหนดเบื้องต้นเดือน พ.ย. โดยเป็นพื้นที่เสี่ยงก่อน ส่วนจะเป็นตัวไหน จะต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่า คณะผู้เชี่ยวชาญ และการบริหารจัดการปริมาณวัคซีนอีกครั้ง คาดว่าประมาณเดือน ธ.ค. ก็จะกระจายฉีดเจ็มที่ 3 ให้กับประชาชนทั่วไปทั้งประเทศ
สำหรับข่าวมีผู้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ภายใน 24 ชม. แล้วเสียชีวิตที่ศรีราชา จ.ชลบุรี นพ.เฉวตสรร ว่า ในข่าวน่าจะมีความคลาดเคลื่อนว่าเป็นเข็ม 3 คาดน่าจะเป็นการฉีดไฟเซอร์ในเข็มที่ 1 สำหรับกลุ่มเรื้อรัง โรคประจำตัว มีน้ำหนักมาก และมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนในรูปแบบการทำงานสอบสวนกรณีผู้เสียชีวิตอยู่ในขั้นตอนการจะเก็บข้อมูล ว่าข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลการฉีดวัคซีนต่างๆ มาประกอบกันทั้งหมด เพื่อจะหาสาเหตุการเสียชีวิต และคณะผู้เชี่ยวชาญเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จะหาข้อสรุปออกมาให้ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่
ส่วนในกลุ่มสตรีมีครรภ์ที่มีความกังวลเรื่องวัคซีน นพ.เฉวตสรร หล่าวว่า ขอให้มั่นใจในการศึกษาต่างๆ วัคซีนทุกตัวที่อนามัยโลกรับรองสามารถฉีดได้ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง มีความปลอดภัยต่อลูกในครรภ์ จึงขอให้หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปมารับวัคซีน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ในช่วงที่กำลังปรับเปลี่ยนมาตรการ 1 ก.ย.นี้ ย้ำว่ายังต้องยกการ์ดสูง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเข้าใจความเหนื่อยาก ลำบาก ประชาชนประกอบอาชีพไม่ราบรื่น ขอให้อดทนเราจะผ่านไปด้วยกัน โดยขอให้ป้องกันอย่างดีที่สุด ป้องกันอย่างครอบจักรวาล ต้องระวังว่าไม่ว่าใครที่เข้ามาใกล้เรา นึกเสมอว่าอาจจะมีการนำเชื้อมาติดที่เราได้ หรือเราอาจจะแพร่เชื้อไปคนอื่นได้ ซึ่งมาตรการเปิดกิจการ สถานที่จะต้องปลอดภัย ดูแลความสะอาด อากาศถ่ายเท คนไม่หนาแน่น ผู้ให้บริการต้องปลอดภัย ไม่เจ็บป่วย ลูกค้าต้องแข็งแรงไม่ติดเชื้อไม่มีอาการป่วย แล้วเราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน พร้อมกับมาตรการวัคซีนที่จะมาเติมเต็ม รวมทั้งมาตรการป้องก้น
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage