ศบค.มีมติไม่ปรับพื้นที่สีจังหวัด คลายล็อก 29 จังหวัดสีแดงเข้ม เปิดให้นั่งกินในร้าน-ห้าง-สวนสาธารณะ และเดินทางข้ามจังหวัด แต่ยังคงเคอร์ฟิว-ให้ทำงานที่บ้าน เริ่ม 1 ก.ย.64
…………………………………..
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวสรุปการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ครั้งที่ 13/2564 ว่า ที่ประชุมมีข้อพิจารณาตามสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างเผชิญแบบเดียวกัน จึงได้ปรับมาตรการการป้องกันควบคุมโควิดแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตและปลอดภัยจากโควิด โดยจะไม่มีการปรับระดับพื้นที่สีจังหวัด ให้คงไว้ตามมติเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่จะมีการปรับมาตรการเข้มข้นขึ้น และผ่อนคลายกิจกรรมบางส่วน
ส่วนระดับพื้นที่สีจังหวัด ตามมติเดิมนั้น มีรายละเอียดดังนี้
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังคง 29 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด กระบี่ จังหวัดนครพนม จังหวัดน่าน จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดพะเยา จังหวัดพังงา จังหวัดแพร่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะให้คงมาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเคอร์ฟิวช่วงเวลา 21.00-04.00 น.เหมือนเดิม ต่อไปอีก 14 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ ส่วนการคลายล็อกกิจการบางส่วนจะให้เปิดกิจการภายใต้มาตรการที่กำหนด ดังนี้
การเดินทางข้ามจังหวัด ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือให้เดินทางเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น พร้อมกับการสื่อสารให้ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือผู้ติดเชื้อให้เดินทางตามโครงการ ‘รับคนกลับบ้าน’ หรือ ‘รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา’ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างและหลังการเดินทาง โดยระบบขนส่งสาธารณะจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ไม่เกิน 75 % สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร
ทั้งนี้สำหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2- 3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ การเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ Seal Route ตามมาตรการ Bubble and Seal ซึ่งจะมีการกำกับติดตามมาตรการโดยผู้ประกอบการ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือน
- ร้านอาหาร ร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคารแต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีอากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75 % ส่วนร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 50 % และเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. พร้อมย้ำให้งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดได้แบบมีเงื่อนไข โดยอนุมัติให้ร้านตัดผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า และคลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แนะนำว่าอาจมีการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อม ส่วนร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ และเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น.
- สถานศึกษา สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยต้องผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
- สนามกีฬา/สนามแข่งกีฬา สามารถเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศได้ รวมถึงสามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภทสำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม โดยแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทราบล่วงหน้าก่อนการเริ่มใช้ ทั้งนี้ผู้จัดการแข่งขัน ต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องมีการกำกับติดตามมาตรการ จากผู้จัดการแข่งขัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยให้เปิดได้ถึง เวลา 20.00 น.
ส่วนกิจกรรมที่ยังไม่เปิดให้บริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส สปา อาบอบนวด สวนสนุก สวนน้ำ สระว่ายน้ำ และห้องประชุมจัดเลี้ยง
"ทั้งนี้การเปิดกิจการเป็นการนำร่องเฉพาะที่ๆ มีความพร้อม โดยให้อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีมาตรการ COVID-free อย่างเข้มงวด เช่น พนักงานตรวจหาเชื้อด้วยชุด ATK ทุกสัปดาห์ พนักงานฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยรัฐบาลสามารถนำเข้าวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดหาชุดตรวจ ATK ราคาถูก" พญ.อภิสมัย กล่าว
สำหรับมาตรการเพื่อการเปิดกิจการนั้น ไม่เพียงมีแต่หลักการ COVID-Free Setting แต่ยังต้องมีการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention)ด้วย ที่จะให้เราทุกคนคิดเสมอว่าเราอาจจะติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัวและไม่มีอาการ ทุกคนที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อโควิดแฝงกันทั้งหมด เราจึงต้องป้องกันตัวเองอย่างสุดความสามารถ เช่น ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น,หากเป็นกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จำเป็น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage