เผยรายงานสื่อนอก ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าแพร่เชื้อก่อนแสดงอาการ 2 วัน คาดเป็นต้นเหตุไวรัสระบาดถึง 3 ใน 4 ด้านทีมแพทย์สหรัฐฯ แจงวัคซีนยังมีประโยชน์เพราะลดปริมาณไวรัสมากกว่าคนไม่ได้ฉีดวัคซีน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 อ้างอิงจากวารสารทางวิทยาศาสตร์เนเจอร์ ประเทศอังกฤษซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้านั้นมีแนวโน้มว่าจะมีความสามารถในการแพร่เชื้อได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 วันก่อนที่จะมีอาการเกิดขึ้น
แหล่งข้อมูลของวารสารได้ระบุต่อด้วยว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าล่าสุด
อนึ่งการแพร่เชื้อก่อนที่จะมีการแสดงอาการของไวรัสโควิดนั้น ถือว่าเป็นคุณลักษณะของไวรัสโควิดสายพันธุ์อื่นๆที่มีก่อนหน้าสายพันธุ์เดลต้าอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การแพร่เชื้อแบบไม่แสดงอาการของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นมีความพิเศษกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าตรงที่ว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้าจะมีการแพร่เชื้อแบบไม่แสดงอาการอยู่ที่จะยะเวลาประมาณ 0.8 วันก่อนแสดงอาการ แต่ในกรณีของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้น จะมีการแพร่เชื้อก่อนการแสดงอาการอยู่ที่ประมาณ 1.8 วัน
ในรายงานการวิจัยยังระบุต่อไปด้วยว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่การแพร่เชื้อของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนการแสดงอาการเป็นอัตราส่วนถึง 3 ใน 4
“โควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าผู้ที่ติดเชื้อนั้นเป็นพาหะของไวรัสจำนวนที่มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า และยังมีสามารถแพร่พันธุ์ไวรัสจำนวนที่มากกว่านี้ไปให้กับผู้อื่นได้อีก” นพ.สเตฟาน อัมมอน ผู้อำนวยการทางการแพทย์เฉพาะกิจเพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 ของหน่วยงานบริการด้านสุขภาพ DispatchHealth กล่าว
นพ.อัมมอนกล่าวต่อด้วยว่าในขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนหน้านั้นสามารถแพร่เชื้อได้เช่นเดียวกับโรคหวัด แต่ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นแพร่เชื้อได้มากกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล,โปลิโอ,ไข้ทรพิษ,อีโบลา และไข้หวัดนก และยังเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายเช่นเดียวกับอีสุกอีใส
ทั้งนี้มีรายงานว่าการฉีดวัคซีนนั้นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการหนักจนเกินไปและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือว่าเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตามก็มีข้อกังวลว่าผู้ที่ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไปแล้วนั้นอาจจะมีปริมาณไวรัสสูงเท่ากันผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งนั่นหมายความว่าแม้แต่คนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วก็สามารถแพร่เชื้อได้
โดย นพ.อัมมอนกล่าวว่าเมื่อตอนที่มีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ออกมาเป็นครั้งแรกนั้น วัคซีนได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความสามารถในการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่ถูกฉีดวัคซีนทุกรูปแบบทั้งการติดเชื้อแบบไม่มีอาการและก่อนที่จะมีอาการ อย่างไรก็ตามกับกรณีของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้น มันได้มีการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันบางส่วนจากการฉีดวัคซีนนั่นหมายความว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าแบบก้าวหน้าเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
ส่วนทางด้านของ นพ.เจสัน กัลลาเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชกรรมคลินิกในโรคติดเชื้อที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทมเปิลในฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่าประเด็นเรื่องการแพร่เชื้อจากผู้ติดเชื้อที่มาแสดงอาการนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่ประเด็นที่จะต้องศึกษากันต่อไปก็คือว่ามีรายงานว่าไวรัสอาร์เอ็นเอในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้นมีการลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนยังคงมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่นได้น้อยกว่า
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage