มวลชนนัดชุมนุม 'คาร์ม็อบ' หลายจุดทั่ว กทม. - ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะวางแนวทางรับมือ ยืนยันบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมตามมาตรฐานสากล ใช้กำลังตามเหตุผลความจำเป็นของสถานการณ์ ไม่เกินกว่าเหตุ-ไม่เลือกปฏิบัติ
----------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2564 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. นัดจัดกิจกรรม 'คาร์ม็อบ - คาร์ปาร์ค' เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะแบ่งเป็น 3 จุดใหญ่ คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกราชประสงค์ และวินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาปาร์คที่จะเคลื่อนขบวนมาที่ห้าแยกลาดพร้าว
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มของไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ที่นัดรวมตัวกัน 13.30 น.เพื่อเคลื่อนขบวนจากตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ใช้เส้นทาง ถ.ประดิษฐ์มนูธรรมมุ่งหน้าแยกเอกมัย ก่อนวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น รวมถึงกลุ่มทะลุฟ้าที่นัดชุมนุมไปบ้านนายกรัฐมนตรี โดยนัดพร้อมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 14.00 น. และกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นัดรวมกันที่ห้าแยกลาดพร้าว เวลา 14.00 น. โดยเกือบทั้งหมดได้แจ้งว่าจะยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น.
ขณะที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง 'คาร์ม็อบ' ที่จะเกิดขึ้นในช่วงบ่านยวันนี้ โดยมีผุ้บัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยควบคุมกำลังเข้าร่วมประชุมด้วย
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลายท่านสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ขอเรียนว่าในช่วงนี้เราไม่ได้ใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ แต่เป็นช่วงที่เราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะ กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสุงสุดและเข้มงวด ซึ่งห้ามการจัดกิจกรรมการชุมนุม การรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดโรคได้ ถามว่าเจ้าหน้าที่ทำอย่างไร เราได้พยายามทำความเข้าใจว่าช่วงนี้ต้องขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการที่จะต้องป้องกันการระบาดของโรค เพราะกระทบคนทั้งประเทศ หากใครทำก็เป็นการซ้ำเติมปัญหา ในเมื่อมีกฎหมาย เจ้าหน้าที่อยู่เฉยไม่ได้ จะแสดงถึงว่าบ้านเมืองอยู่กันโดยไม่มีกฎกติกา ความเชื่อมั่นก็ไม่มี
"อาจเห็นว่ามีบางครั้งที่เราพยายามจะไปยึดพื้นที่ก่อนที่จะมีการชุมนุมรวมตัวขนาดใหญ่ แต่เราก็ทำภายใต้เหตุผลความจำเป็น ตามความพอเหมาะพอควรของสถานการณ์ เราพยายามทำอย่างนั้นโดยที่ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะหรือบาดเจ็บเกิดขึ้น แต่ว่าอย่างที่ทราบเราก็ทำได้เท่าที่จะไม่ทำให้เกิดอันตราย อย่างไรก็ตามการรักษาความสงบเรียบร้อย เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เราคำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นของการใช้อุปกรณ์" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า เรื่องมาตรฐานสากลมีคนพูดเยอะ ตนเชื่อว่าเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ จะเห็นว่าต่างประเทศที่มีมาตรฐานเรื่องพวกนี้สูงๆ ในตะวันตก หรือฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ไปดูแล้วจะเห็นว่าเวลาเจ้าหน้าที่ใช้กำลัง หรือใช้ความจำเป็นต้องใช้กฎหมาย เมื่อเทียบกับเราแล้วเป็นอย่างไร ยืนยันว่าทำตามมาตรฐานสากล เราใช้กำลังน้อย หากเทียบกับประเทศอื่น นอกจากนั้น เรายังดูเหตุผลความจำเป็นของสถานการณ์ ใช้โดยไม่เกินกว่าเหตุ ไม่เลือกปฏิบัติ
"แต่จะเรียนว่าไม่ว่าจะระมัดระวังอย่างไร ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า เมื่อถึงเวลาสถานการณ์เกิดความวุ่นวาย มันยากที่จะทำไม่ให้เกิดความบาดเจ็บเกิดขึ้น จะเห็นการชุมนุมมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บทุกวัน เราก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องนี้กับกำลังพล และไม่ต้องการให้ประชาชนบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชน ยังยืนยังว่าคงต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย และท่านสามารถเสนอข่าวได้ในระดับที่ไม่เป็นการกีดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หากท่านไปอยู่ในแนวปะทะ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีได้ ก็ขอให้กรุณาช่วยกัน ช่วยตัดสินใจร่วมกันว่าจะอยู่ตรงไหนอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะไม่มีการเริ่มใช้อะไรก่อน เว้นแต่ว่าเริ่มมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น มีการทำลายทรัพย์สิน หรือว่าทำอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ พวกนี้เราจำเป็นต้องใช้ ทั้งนี้ตัวเลขที่ผ่านมาตั้งแต่ 18 ก.ค.จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมการกระทำผิดแล้ว 130 เรื่อง และบางคดีศาลได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แต่ทางคดียังคงดำเนินต่อไป พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาตำรวจต้องใช้กำลังพลในหน้างานอื่นมาร่วมปฏิบัติงาน ทำให้การบริการประชาชนอาจจะไม่ได้รับความสะดวก แต่ยืนยันว่า ตำรวจต้องทำตามกติกาเพื่อรักษาความปลอดภัยของบ้านเมือง ไม่ได้ทำตามอารมณ์ของใคร ทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะหากตำรวจไม่ทำก็ไม่มีคนทำ
ข่าวประกอบ :
ธุรกิจแห่งเดียว ‘สมบัติ บุญงามอนงค์’ คาร์ม็อบไล่บิ๊กตู่ ขายสีรายได้ 3,542,049 บาท
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage