'ศักดิ์สยาม' เตรียมส่งผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนาภาคอีสาน 8 จังหวัด ดีเดย์ขบวนแรก 27 ก.ค.64 ขอผู้ป่วยประสานเดินทางกลับผ่านสายด่วน 1330 หรือจังหวัด ย้ำทุกเส้นทางเป็นขบวนพิเศษไม่ปะปนประชาชนทั่วไป พร้อมสนับสนุนการส่งผู้ป่วยทุกจังหวัดในโมเดลเดียวกัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม ติดตามเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร และสุรินทร์ ผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ โปรแกรม Zoom ณ กระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า การส่งผู้ป่วยโควิด จากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลับภูมิลำเนา เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ร่วมกันกำหนดแนวทางและวางระบบการดูแลจัดส่งผู้ป่วยโควิดกลับอย่างปลอดภัยไม่ให้มีการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมสรุปทั้งในส่วนของขั้นตอนการประสานจัดส่งผู้ป่วย ความพร้อมของทั้งส่วนกลาง กับจังหวัดปลายทาง ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยมีความพร้อมดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะใน 8 จังหวัด มีความพร้อมทั้งในส่วนจุดรับเมื่อผู้ป่วยถึงจังหวัด ขั้นตอนการคัดกรอง และพื้นที่ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งส่วนที่เป็นศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้น ขณะนี้มีความพร้อมที่จะรับส่งผู้ป่วยแล้ว โดยหน่วยงานภายใต้กระทรวงฯ ได้แก่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กรมขนส่งทางบก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้จัดขบวนรถ รวมถึงได้ออกแบบเส้นทางการขนส่ง การอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ที่จะให้บริการ มีความรู้ความเข้าใจในข้อปฏิบัติเพื่อให้การขนส่งผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข ซึ่งหน่วยงานแรกที่จะเริ่มส่งผู้ป่วยได้ คือ รฟท. โดยมีการเตรียมแผนที่ให้บริการรถไฟสายอีสานใต้ ผ่านนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เริ่มให้ส่งผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การเริ่มให้ รฟท. ส่งผู้ป่วยได้เป็นหน่วยงานแรกนั้น เนื่องจากการบริการของ บขส. จะขึ้นอยู่กับการได้รับแจ้งความประสงค์ของประชาชนที่ต้องการกลับภูมิลำเนาผ่าน สพฉ. ที่รับข้อมูลมาจาก 1330 และจังหวัด แล้วจะจัดรถตามจำนวนคน หากจำนวนคนมากอาจไปรถไฟ แต่หากน้อยอาจใช้บริการของ บขส. ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ระบุวันออกของ บขส. แต่ รฟท. พร้อมแล้ว จึงได้ไปก่อนขบวนแรก
"กระบวนการรับและส่งผู้โดยสารโดยหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการย้ำว่าทุกขบวนจะต้องเป็นขบวนพิเศษ ทั้งกรณีรถของ บขส. หรือรถไฟ ทั้งพื้นที่และเวลาการขนส่งผู้ป่วยจะต้องแยกกับผู้โดยสารทั่วไป เพราะประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดคือความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยหากจังหวัดอื่นๆ มีการประสานเข้ามา กระทรวงคมพร้อมจะสนับสนุนการเดินทางกลับภูมิลำเนาของผู้ป่วยโควิด ภายใต้โมเดลเดียวกันกับ 8 จังหวัดนี้” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าการส่งผู้ป่วยจะดำเนินไปอย่างรัดกุม การจัดส่งผู้ป่วยของกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการโดยประสานข้อมูลร่วมกันกับ 3 หน่วยงานหลัก คือ สปสช. สพฉ. และ จังหวัด เพื่อให้การจัดส่งมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยตามขั้นตอนผู้ป่วยจะต้องติดต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330 หรือติดต่อแจ้งความประสงค์กับแต่ละจังหวัด จากนั้นแต่ละจังหวัดจะรวบรวมรายชื่อ จำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียงที่ว่างแล้วแจ้งยอดต่อ สพฉ. จากนั้น สพฉ. จะประสานวันเวลาเพื่อเข้ารับผู้ป่วยเดินทาง และแจ้งยอดผู้ป่วยให้แก่กระทรวงคมนาคม เพื่อจัดขบวนรถและจัดเส้นทางการขนส่ง
นอกจากนั้น ระหว่างการส่งผู้ป่วยโดยรถขบวนพิเศษนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ตรวจ ไปกับขบวนรถเพื่อดูแลผู้ป่วย และความเรียบร้อยในขบวนรถ มีการแยกกลุ่มผู้ป่วยที่ชัดเจน เช่น กรณีของ รฟท.จะมีการแยกโบกี้ระหว่างผู้ป่วยกลุ่มยืนยันด้วยผลตรวจ RT-PCR positive กับกลุ่มผลตรวจ ATK positive เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้มีผลตรวจ ATK positive คลาดเคลื่อนมาปะปนกับผู้ที่ผลตรวจชัดเจนแล้ว และก่อนออกเดินทาง สพฉ. จะมีการประเมินอาการของผู้ป่วยทุกรายก่อนให้ออกเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง
"ขอย้ำกับผู้ป่วยที่ประสงค์จะเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนาทุกคนว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนการเดินทางเต็มที่ ขอให้ทุกท่านเดินทางผ่านระบบของทางการ อย่าเดินทางกลับเอง เพื่อเป็นการดูแลทั้งตัวท่านและประชาชนท่านอื่น หากประสงค์กลับเข้าศูนย์พักคอยหรือโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ขอให้ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการจัดส่งผู้ป่วย โดยทั้งหมดภาครัฐให้การสนับสนุนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” นายศักดิ์สยาม กล่าว
ภาพจาก: เดลินิวส์
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/