ผอ.กรมควบคุมโรคจีนฉีดวัคซีนโควิดต่างชนิดแล้ว 3 โดส หลังมีข่าววัคซีนจีนประสิทธิภาพต่ำเมื่อเจอโควิดสายพันธุ์เดลต้า เชื่อเพิ่มประสิทธิภาพรับมือโควิดสายพันธุ์เดลต้า รับเหมือนเล่มเกมแมวจับหนู ต้องไล่ดูวัคซีนไหนมีประสิทธิภาพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่ประเทศจีน นพ.เกาฝู่ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อประเทศจีนได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Global People ของรับบาลจีนเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าตัวเขานั้นได้รับวัคซีนเพิ่มเป็นโดสที่ 3 แล้วเพื่อจะเสริมภูมิคุ้มกันกับไวรัสโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งวัคซีนที่ตัวเขาได้รับนั้นเป็นวัคซีนต่างชนิดกับที่เขาได้รับ 2 โดสก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามนายเกาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
“ผมเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนที่พัฒนาในประเทศจีน โดยเมื่อตอนเดือน พ.ค. ปี 2563 ผมก็ได้รับการฉีดวัคซีน และตอนนี้ผมก็ได้รับวัคซีนไป 3 โดยแล้วซึ่งมาจากบริษัทผู้ผลิตที่แตกต่างกัน และผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้แค่อย่างใด”นายเกากล่าว
ทั้งนี้นายเกาถือว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มแรกๆในประเทศจีนที่ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการวิจัยการฉีดวัคซีนที่แตกต่างชนิดกันออกไป หรือที่เรียกกันว่าการผสมวัคซีนเนื่องจากว่า ณ เวลานี้นั้นวัคซีนที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันที่มากพอ โดยเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตว่าวัคซีนของประเทศจีนนั้นมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ภายหลังจากที่มีการแจกจ่ายวัคซีนในประเทศจีนไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 164 ล้านโดส
ซึ่งนายเกาก็ได้กล่าวถึงประเด็นข้อสังเกตนี้ว่าถือเป็นความเห็นที่เกิดขึ้นกับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก และเขายังได้พยายามพูดถึงความเป็นไปได้ที่ว่าการเปลี่ยนชนิดวัคซีนระหว่างโดสและการผสมเทคโนโลยีวัคซีนนั้นจะสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้
ทั้งนี้มีรายงานว่า ณ เวลานี้บริษัทยาของจีนหลายแห่งได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ากำลังที่จะมีการพัฒนาวัคซีนของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้รับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่มีศักยภาพในการแพร่เชื้อได้ดีกว่าเดิม อาทิ สายพันธุ์เดลต้า และขณะนี้ก็มีการจดทะเบียนการทดลองการใช้วัคซีนประเภทเชื้อตายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศจีน โดยผสมกับวัคซีนประเภทอะดิโนไวรัส ไวรัลเวกเตอร์ที่ผลิตโดยบริษัทคันซิโน่ไบโอเทคแล้ว
ขณะที่ทางด้านของนายหยิน เว่ยตง ผู้บริหารบริษัทซิโนแวคเคยประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าในกระบวนการทดลองวัคซีนในมนุษย์นั้นพบว่าสายภูมิคุ้มกันหรือว่าแอนติบอดีของร่างกายนั้นเพิ่มขึ้น 10-20 เท่า หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ห่างจากโดสที่ 2 ออกไปเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน ขณะที่ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจซิโนฟาร์มเองก็ได้กล่าวว่าทางรัฐวิสาหกิจนั้นได้มีการพัฒนาวัคซีนสำหรับฉีดกระตุ้นหรือที่เรียกว่าบูสเตอร์เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการศึกษาถึงรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน
ส่วนที่ภูมิภาคอื่นๆของโลกอาทิ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ประเทศบาห์เรน ประเทศตุรกี และประเทศอินโดนีเซียก็ได้มีการเสนอให้ฉีดวัคซีนโดสที่ 3 เช่นกันสำหรับผู้ที่ได้รับทั้งวัคซีนซิโนฟาร์มและซิโนแวคก่อนหน้านี้ ส่วนที่ประเทศอังกฤษก็ได้มีการประกาศแผนว่าจะฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ให้กับกลุ่มเปราะบาง โดยจะเริ่มในช่วงฤดูหนาวนี้ เช่นเดียวกับบริษัทไฟเซอร์ที่ได้เคยระบุว่าบริษัทกำลังขอคำอนุมัติเรื่องการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ไป แต่ทางด้านของหน่วยงานในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าพวกเขากำลังศึกษากันอยู่ว่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนโดสที่ 3 หรือไม่
นายเกายังได้กล่าวต่อไปว่า ณ เวลานี้นั้นนักวิทยาศาสตร์จีนกำลังทำสิ่งที่เรียกว่าการเล่นเกมแมวจับหนู โดยพยายามที่จะทดสอบว่าวัคซีนที่มีอยู่นั้นใช้ได้ดีกับสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในประเทศหรือไม่
“จนถึงตอนนี้ วัคซีนที่เรามีอยู่สามารถใช้งานได้เมื่อต้องเผชิญกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า” นายเกาให้สัมภาษณ์และกล่าวต่อไปว่าอย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวัคซีนที่มีอยู่นั้นจะมีผลต่อต้านไวรัสได้นานเท่าไร ซึ่งวัคซีนที่ประเทศจีนมีอยู่นั้นเป็นวัคซีนที่พัฒนาเป็นตัวแรกๆ แต่ว่าไวรัสโควิดนั้นอาจอยู่ไปอีกนานจนกลายเป็นโรคที่มีความแพร่หลายเช่นเดียวกับไข้หวัด
นายเกาเองยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาวัคซีนประเภทโปรตีนเบสรวมกันบริษัท อันฮุย จื้อเฟย หลงเคอหม่า ไบโอฟาร์มาซูติคัล จำกัด (Anhui Zhifei Longcom Biopharmaceutical) ซึ่งเบื้องต้นนั้นมีรายงานอย่างเป็นทางการว่าวัคซีนประเภทดังกล่าวจะสามารถต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ต่างๆรวมถึงสายพันธุ์เดลต้าได้นานกว่าวัคซีนประเภทอื่นๆ
เรียบเรียงจาก:https://www.scmp.com/news/china/science/article/3141686/chinese-health-official-says-hes-had-mix-three-covid-19-shots
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/