ศาลปกครองกลางคุ้มครองชั่วคราว คำสั่ง ‘บิ๊กแป๊ะ’ สำรองราชการ ‘พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา’ น่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย รอจนกว่าจะมีคำพิพากษา – 16 ก.ค.เจ้าตัวเตรียมกลับไปนั่งรอง ผบ.ตร.ตามเดิม
................................................................
จากกรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ถูกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งสำรองราชการ และถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีถูกกล่าวหาว่า ดักฟัง และเผยแพร่ข้อมูลการสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่ง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย วิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ บ. 438/2563 ศาลปกครองกลาง ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ฟ้องคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ฟ้องคดีสำรองราชการ นั้น
ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น สำรองราชการ แล้วพล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติและ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามนัยมาตรา 51 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2547 แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.2563 และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ซึ่งต่อมาได้ออกอากาศในรายการเนชั่นทันข่าว เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2563 ว่า เมื่อพล.ต.อ. วิระชัย ได้รับคำสั่งให้สำรองราชการ แล้วพล.ต.อ. จักรทิพย์ จะไม่สามารถเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิระชัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ได้เพราะพล.ต.อ. วิระชัย ถูกสำรองราชการอยู่
ดังนั้นจากเหตุผลที่ได้วินิจฉัยมาตามลำดับ จึงเห็นว่า พฤติการณ์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องดังกล่าวข้างต้น จึงถือว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง โดยสภาพภายในตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539 และกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกคำสั่งให้พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการนี้ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ หรือสิทธิของบุคคล โดยไม่มีทางแก้ไข
การสั่งให้พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นของ มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกคำสั่งให้พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค.2563 จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 ส.ค. 2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจ (พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี) พ้นจากตำแหน่ง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย
กรณีจึงมีเหตุอันสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่สั่งให้พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ตามข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่สั่งให้พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ และประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ให้พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลของคำสั่งศาลปกครองกลางทำให้พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิมนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.2563 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ออกคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย เสมือนว่าไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย มาก่อนแต่อย่างใด และเสมือนว่าไม่เคยมีประกาศสำนักนายกมนตรี ที่ให้พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่อย่างใด
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 16 ก.ค. 2564 พล.ต.อ.วิระชัย จะเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลา 08.30 น.และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิม
หมายเหตุ : ภาพประกอบ จาก https://storage.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
เป็นทางการ! ราชกิจจาฯแพร่ประกาศ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นตำแหน่ง โดนสำรองราชการ
โปรดเกล้าฯ‘พล.ต.อ.วิระชัย’พ้นรอง ผบ.ตร.มีผล 29 ก.ค.-นายกฯนัดถก ก.ตร. 10 ก.ย.
ผบ.ตร.ลงนามคำสั่ง‘สำรองราชการ’พล.ต.อ.วิระชัย หลังถูกสอบวินัย
บช.ก.ตั้งคณะทำงานสอบ‘พล.ต.อ.วิระชัย’ปมคลิปเสียงหลุด-เรียก‘ดนัย’สื่อดังให้ปากคำ
ผบ.ตร. สั่ง สตช. แจ้งความกองปราบฯ เอาผิดอาญา 'วิระชัย' ปล่อยคลิปเสียงคดียิงรถ 'บิ๊กโจ๊ก'
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage