เหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ย่านบางพลี พบผู้บาดเจ็บ 33 ราย อาสากู้ภัยเสียชีวิต 1 ราย เร่งปิดพื้นที่โดยรอบ หวั่นสารเคมีระเบิด ยืนยันรัศมีอพยพ 5 กม. ด้านนายกฯ เสียใจสูญเสีย จนท. กำชับสั่งประสานหน่วยงาน ส่วนกลาง-ท้องถิ่นควบคุมเหตุ ดูแลความปลอดภัย
.........................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2564 เวลา 03.20 น. เกิดเหตุระเบิดภายในโรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซอยกิ่งแก้ว 21 ม. 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก จากแรงระเบิดทำให้เกิดความเสียหายทั้งหมดของตัวพื้นที่โรงงาน และบริเวณรอบข้างขยายไปวงกว้าง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.ราชาเทวะ และพื้นที่ใกล้เคียงได้ดำเนินการเข้าควบคุมเพลิงในพื้นที่ พบมีผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย และได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกนอกพื้น ส่วนความเสียหายอื่นยังไม่สามารถประเมินได้
เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก กู้ภัยป่อเต็กตึ๊งจุด สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สภ.บางแก้ว ระบุความคืบหน้าว่า เเรงระเบิดทำให้โรงงานพังเละทั้งโรงงาน อีกทั้งแรงระเบิดทำให้บ้านเรือนประชาชนและโรงงาน โรงเเรม อาพาร์ทเมนท์ห้องพัก ระยะรัศมีรอบโรงงานที่เกิดเหตุประมาณ 1-2 กม. ได้รับความเสียหายเป็น 100 หลังคาเรือน เเละมีผู้บาดเจ็บจากเเรงสั่นสะเทือนทำให้กระจกบ้านตกลงมาเเละบาดได้รับบาดเจ็บหลายราย กู้ภัยเร่งเข้าให้การช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สำหรับบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถไปลงบันทึกประจำวันได้ที่ สภ.บางเเก้ว และขอให้ระวังอากาศเป็นพิษเลี่ยงสูดดมกลิ่นควันไฟ เนื่องจากเป็นสารเคมี สไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารอันตราย ต่อร่างกาย และเป็นสารก่อมะเร็ง
เมื่อเวลา 09.00 น. มีรายงานข่าวในพื้นที่แจ้งว่า นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลีได้ประกาศเตือน และแจ้งให้ชาวบ้านที่มีที่พักอาศัยอยู่รอบโรงงาน ภายในรัศมี 3-5 กม. เร่งอพยพจากพื้นที่โดยด่วน เนื่องจากไฟกำลังลุกไหม้สารเคมีด้านในจำนวนกว่า 20,000 ลิตร ทำให้เกิดการระเบิดเป็นวงกว้างได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงเข้าสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สามารถสกัดเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว พร้อมทั้งจะเร่งหาสาเหตุต้นเพลิงต่อไป
ด้าน น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่าสารเคมีที่ถูกไฟไหม้คือสารสไตรีน เป็นสารตั้งต้นใช้ผลิตโฟม เป็นสารอันตรายเมื่อเกิดการเผาไหม้ หากสูดดมจะมีผลต่อร่างกาย ต่อระบบประสาท โดยอาการเบื้องต้นคือ ปวดหัว มึน ระคายเคืองต่อผิวหนัง แสบตา หากได้รับสารปริมาณสูงอาจจะชักและเสียชีวิตได้ การหายใจเข้าไปในระยะนานๆ แม้ว่าความเข้มข้นต่ำจะทำให้อาจมีอาการทางสายตา การได้ยินเสื่อมลง และการตอบสนองช้าลง
เวลาประมาณ 11.00 น. อุตสาหกรรม จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า โรงงานหมิงตี้ฯ สัญชาติไต้หวัน เปิดทำการเมื่อปี 2534 เบื้องต้นพบว่ามีถังใส่สารสไตรีนโมโนเมอร์ ขนาดบรรจุ 2,000 ตัน 1 ถัง ตามข้อมูลที่จดทะเบียน
นายเดชา เพ็ชรไทย หัวหน้าสถานีดับเพลิงราชาเทวะ เปิดเผยว่า หลังจากประเมินสถานการณ์ในที่เกิดเหตุพบว่ายังมีความปลอดภัย จนท.กู้ภัยฯ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อควบคุมเพลิงอีกครั้ง และได้มีการวางแผนการทำงานอย่างรัดกุม และจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่อีกครั้ง หลังพบว่าสถานการณ์ปลอดภัย ระดมใช้โฟมดับสารเคมีฯ ที่ถูกเพลิงไหม้ ในโรงงานหมิงตี้ฯ เพื่อเร่งควบคุมให้ดับได้โดยเร็ว เบื้องต้นทราบว่าเป็นสาร solvent ส่วยยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ล่าสุด 30 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ปภ.) ส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย เข้าร่วมสนับสนุนการปฏิบัติการดับเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ฯ พร้อมตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ ปภ. กรณีเหตุไฟไหม้โรงงาน ซ.กิ่งแก้ว เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ เตรียมพร้อมประสานสั่งการและสนับสนุนการช่วยเหลือการระงับเหตุและควบคุม
ทั้งนี้ มีรายงานพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 นาย เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อและสังกัด อยู่หว่างตรวจสอบรายละเอียด
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ระบุว่า ขอให้ผู้รับบริการที่ประสงค์จะมาตรวจรักษา หรือตรวจโควิด ที่โรงพยาบาล เลื่อนการมาตรวจ หรืองดเดินทางยังโรงพยาบาล และรออัพเดตสถานการณ์ต่อไป และสำหรับผู้ที่มีนัดฉีดวัคซีนของภาครัฐ หรือ หมอพร้อม ขอให้เลื่อนเป็นวันที่ 10 ก.ค. 54 ในเวลาเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานเหตุการณ์เหตุเพลิงไหม้ และได้กำชับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานด้านการป้องกันสาธารณภัยให้ประสานการทำงานกับทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยกับประชาชนมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก เนื่องจากโรงงานที่เกิดเหตุตั้งอยู่ในชุมชน เป็นโรงงานที่มีคลังเก็บสารเคมีไว้จำนวนมาก นอกจากผลกระทบจากแรงระเบิดแล้ว อาจมีผลกระทบในส่วนมลพิษทางอากาศด้วย จึงขอให้การควบคุมสถานการณ์ดำเนินการอย่างรอบด้าน พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติภารกิจลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงคมนาคม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อติดตามข้อมูล ประเมินเหตุที่เกิดขึ้นว่าส่งผลกระทบต่อการให้บริการของท่าอากาศยานหรือไม่เพียงใด เพื่อปรับการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสากล หากมีการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นก็ให้เร่งแจ้งข่าวสารผู้ใช้บริการทราบต่อไป
“นายกรัฐมนตรีให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานร่วมกันปฏิบัติงานและดูแลประชาชนให้เต็มที่ และให้เร่งสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายจนเกิดเหตุรุนแรงครั้งนี้หรือไม่ พร้อมกับให้พิจารณาในเรื่องของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามกรอบของกฎหมายต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
เมื่อเวลา 18.55 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข่าวแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตรเป็นรัศมี 10 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานพลาสติก บางพลี ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานกับจังหวัดสมทุรปราการ ได้รับการยืนยันยังคงเป็นรัศมี 5 กิโลเมตร ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากประกาศเดิม ทั้งนี้ อำนาจหน้าที่ในการประกาศให้ประชาชนอพยพเป็นของผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลอย่างเป็นทางการจากจังหวัดเท่านั้น
เมื่อเวลา 19.50 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าฯสมุทรปราการ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ว่า ขณะนี้ ยังมีการลุกไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยทุกหน่วยงานได้เข้าควบคุมสถานการณ์ ระดมสรรพกำลังและอุปกรณ์เข้าระงับเหตุ ได้แก่ รถดับเพลิง เฮลิคอปเตอร์ และใช้ยานยนต์ดับเพลิงควบคุมระยะไกล พร้อมทั้งโฟมผสมน้ำเข้าระงับเหตุการณ์ เนื่องจากโรงงานดังกล่าว เป็นโรงงานที่ผลิตเม็ดโฟมพลาสติก มีสารอันตราย ประกอบด้วย สารสไตรีนโมโนเมอร์ ประมาณ 1,600 ตัน เป็นสารระเหย เมื่อสูดหายใจเข้าไป ทำให้เกิดอาการระคายจมูกและคอ ปวดศีรษะ มึนงง และหากได้รับสารปริมาณสูง อาจจะชัก และเสียชีวิตได้ อีกทั้งมีสารเคมีอีกประมาณ 60-70 ตัน เป็นของเหลวไวไฟสูงอีกด้วย ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ อายุ 18 ปี อาสาสมัครหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา และมีผู้บาดเจ็บ 33 ราย
นายวันชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการช่วยเหลือประชาชน ได้จัดตั้งศูนย์อพยพ 8 แห่ง รองรับได้ 2,270 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 1,892 ราย สามารถรองรับได้เพิ่มอีก 378 ราย มีรายละเอียด ดังนี้ จุดที่ 1 อบต.บางพลีใหญ่ รองรับได้ 160 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 160 ราย จุดที่ 2 วัดบางพลีใหญ่กลาง รองรับได้ 250 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 250 ราย จุดที่ 3 โรงเรียนคลองบางกระบือ รองรับได้ 250 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 122 ราย จุดที่ 4 โรงเรียนเตรียมปริญญา รองรับได้ 345 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 345 ราย จุดที่ 5 ศาลพ่อหลวง รองรับได้ 35 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 35 ราย จุดที่ 6 วัดบางโฉลงใน ซ.100 รองรับได้ 140 มีผู้เข้าพักแล้ว 140 ราย จุดที่ 7 วัดบางโฉลงนอก รองรับได้ 440 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 340 ราย และจุดที่ 8 วัดบางพลีใหญ่ รองรับได้ 600 ราย มีผู้เข้าพักแล้ว 500 ราย
นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือสำหรับเรื่องที่พัก และอาหาร สำหรับประชาชนและแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ สำหรับการติดตามสถานการณ์ สอบถามข้อมูล และติดตามญาติ ให้ติดตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ หรือสายด่วน 1784
ด้าน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จำนวน 177 ราย ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ สำหรับประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ขอให้ไปติดต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ เพื่อแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน สำหรับประสานงานในเรื่องค่าเสียหายภายหลัง โดยเปิดรับแจ้งตลอด 24 ชม.
พล.ต.ต.ชุมพล กล่าวว่า ทั้งนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่สำหรับดูแลบ้านเรือนที่ไม่มีผู้อาศัยในรัศมี 5 กม.ตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ฝั่ง คือ ถนนกิ่งแก้วฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก พร้อมทั้งปิดช่องทางจราจรถนนกิ่งแก้ว ทั้งจากทางที่เดินทางมาจากถนนลาดกระบังและถนนบางนา-ตราด อีกทั้งได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์อพยพศูนย์ให้ความช่วยเหลือต่างๆ ศูนย์ฯ ละ 10 นาย นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาในพื้นที่อีก 60 ราย
พล.ต.ต.ชุมพล กล่าวถึงกรณีข่าวลือว่ามีสารเคมี 5 แสนลิตรในบ่อใต้ดินไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่หรือส่งต่อ อาจจะมีความผิดตามกฎหมายอาจจะต้องถูกดำเนินคดีได้
@ 'บิ๊กตู่'เสียใจ จนท.เสียชีวิต
เมื่อเวลา 21.08 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า จากกรณีเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ ซ.กิ่งแก้ว 21 จนมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 1 นาย และผู้มีบาดเจ็บจำนวนมาก ตนขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต คือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ และขอสดุดีวีรกรรมของอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการเสี่ยงอันตรายเพื่อป้องกันภัยให้กับผู้อื่นในอุบัติเหตุครั้งนี้
"ผมได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และรายงานสถานการณ์ให้ผมทราบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศนำ แล้วตามด้วยการระดมฉีดพ่นโฟมดับเพลิงทางภาคพื้นดิน โดยในขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีพื้นที่มีมีเพลิงลุกไหม้เป็นบ่อรวม 2 จุด และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว 1 จุด และคาดว่าหากเป็นไปตามแผน จะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในอีกไม่นาน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า ขณะนี้ได้มีการอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดไว้อย่างน้อย 8 แห่ง จำนวนรวมมากกว่า 1,800 คนแล้ว และมีการส่งผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ติดเชื้อโควิด หรือผู้กักตัว ต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยได้รับรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกองทัพบก ได้นำอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย พร้อมด้วยรถดับเพลิงชนิดหอน้ำ 1 คัน รถขนย้ายผู้ประสบภัย 1 คน รถดับเพลิงขนาด 10,000 ลิตร 4 คัน รถดับเพลิงพร้อมโฟม 4 คัน รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว 3 คัน ยานยนต์ดับเพลิง LUF 120 จำนวน 1 คัน และ LUF 60 อีก 4 คัน รถไฟฟ้า 200 KVA 2 คัน โฟมเคมี 12,000 คัน เข้าปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้
นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานอื่นๆที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจอย่างเต็มที่ ดังนี้ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร สนับสนุนยานยนต์ดับเพลิง 3 คัน รถกู้ภัยสารเคมีและวัตถุอันตราย 4 คัน รถดับเพลิงและกู้ภัย 38 คัน โฟมดับเพลิง 6,000 ลิตร , กองบัญชาการกองทัพไทย สนับสนุนรถเคมีโฟม 6,000 ลิตร 1 คัน รถบรรทุกน้ำ 4,000 ลิตร 2 คัน และเครื่องตรวจวัดสารเคมี 2 ชุด , กองทัพบก สนับสนนโฟมเคมี 20,000 ลิตร พร้อมกำลังพล , มูลนิธิร่วมกตัญญู สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 60 นาย รถยนต์ 30 คัน , จิตอาสา 904 สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 30 นาย, บริษัท ปตท. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร คลังน้ำมัน P.S.P. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร และคลังน้ำมันบางจาก สนับสนุนโฟมเคมี 20,000 ลิตร และหน่วยงานกู้ภัยอื่นๆ ร่วมสนับสนุนรถดับเพลิง 30 คัน
"ผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการหาที่พักชั่วคราว อาหาร รวมไปถึงการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้การเคหะแห่งชาติเตรียมจัดหาที่พักในรูปแบบโรงแรมทางเลือกไว้ให้ ทั้งรูปแบบราคาถูก และไม่มีค่าใช้จ่าย หากท่านใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วน พม. 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 065-9513465 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ผมยังคงติดตามสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง และขอให้กำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังดำเนินภารกิจเสี่ยงภัยนี้ให้สำเร็จลุล่วง คืนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ภาพจาก: จส.100
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage